0

2023 Harley-Davidson Breakout 117

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน คือแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่คงเอกลักษณ์ของตนเองมาโดยตลอด ความ “ไม่เหมือนใคร และไม่เคยตามใคร” ทำให้พวกเขาสามารถครองใจผู้ใช้ทั่วโลกจนมีฐานแฟนคลับ และรถรุ่นไอคอนนิคระดับตำนานมากมายหลายรุ่น ประวัติความเป็นมากว่า 120 ปี ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านความคลาสสิคและสไตล์ของตัวรถ ผนวกกับสมรรถนะของเครื่องยนต์พร้อมองค์ประกอบที่มุ่งพัฒนา และปรับปรุงให้มีความร่วมสมัยอยู่ตลอดโดยไม่ละทิ้งกลิ่นอายไปจากต้นฉบับ คือสิ่งที่ทำให้สองล้อจากฮาร์ลีย์ประสบความสำเร็จในตลาดเกิดใหม่อย่างเอเชีย อินเดีย รวมถึงในบ้านเราด้วยเช่นกัน

ท่ามกลางรถใหม่ที่เปิดตัวในปี 2023 Harley-Davidson Breakout 117 คือรุ่นที่ถูกนำกลับมาทำตลาดอีกครั้ง “โมเดิร์นชอปเปอร์” ทรงเก๋าที่โด่งดังจากโครงสร้างแบบยาว เตี้ย พร้อมยางหลังไซส์ 240 เส้นโต กลายมาเป็นรถรุ่นที่ 3 ในตระกูล Softail ซึ่งใช้เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 ที่เน้นทั้งแรงบิด และแรงม้าเข้ากับสไตล์สาย Drag ภายใต้การปรับรูปลักษณ์ใหม่แบบ Back to Basic โดยเน้นความมันวาวของชิ้นงานโครเมียมทั้งคัน และเพิ่มเติมระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Cruise Control เข้ามาให้เพราะ “ของมันต้องมี”

Breakout ใหม่ที่ถูกพัฒนาตามเสียงของผู้ใช้ตามคำบอกเล่าของ Chief Design จาก H-D รุ่นนี้จะขี่เป็นยังไง สมรรถนะถูกใจสายทางตรง สายถนน แค่ไหน กับราคาเริ่มต้นที่เปิดมา 1,205,000 บาท วันนี้เราไปหาคำตอบกันครับ…

เครื่องยนต์และองค์ประกอบ

ขุมพลัง Milwaukee-Eight 117 V-Twin 45° (1,923 ซีซี) OHV 4 วาล์ว/สูบ เปิด-ปิดวาล์วด้วยก้านกระทุ้ง (Pushrod) พร้อมปรับตั้งวาล์วอัตโนมัติด้วยระบบไฮดรอลิก ระบายความร้อนด้วยอากาศและออยล์คูลเลอร์ กำลังอัด 10.2:1 มิติกระบอกสูบ x ช่วงชัก 103.5 x 114.3 มม. แบบ Big bore x Long stoke (Over square) ท่อไอเสีย 2 ออก 2 ใส่ Catalyst มาบริเวณปลายท่อ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดระบบ ESPFI ใช้หัวเทียนคู่แบบ Twin plug ในการจุดระเบิดพร้อมกัน 2 สูบ ควบคุมโดย Map จากกล่อง ECU แรงม้าสูงสุด 102 hp มาที่ 5,020 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 169 นิวตัวเมตร มาที่ 3,500 รอบ/นาที ระบบเกียร์ 6 สปีด ทำงานร่วมกับอัตราทดขั้นต้น Primary และ Secondary gear 34/46 ขับเคลื่อนขั้นสุดท้ายด้วยสายพาน Final drive 32/66

ตัวเครื่องวางมาบนเฟรม Softail ที่เน้นความแข็งแรง เชื่อมต่อกับสวิงอาร์มหลังที่เป็นท่อเหล็กทรงสามเหลี่ยมทั้งสองข้าง โดยวางโช้คหลังซ่อนไว้บริเวณกึ่งกลาง โช้คหน้าเทเลสโกปิกขนาดแกน 49 มม. แบบ DVB (Dual Bending Valve) พร้อมโช้คหลังเดี่ยว ระยะยุบ 43 มม. ปรับพรีโหลดแบบไฮดรอลิก ล้อหน้าแคสอลูมิเนียม 26 ก้านขอบ 21 รัดมาด้วยยางขนาด 130/60 ส่วนล้อหลังขอบ 18 นิ้วรัดยาง 240/40 ไซส์ใหญ่ ระบบเบรกหน้าดิสก์เดี่ยว คาลิปเปอร์แบบ Fixed 4 ลูกสูบ หลังโฟลทติ้ง 2 ลูกสูบ ถังน้ำมันความจุ 18.9 ลิตร น้ำหนักตัวพร้อมขี่อยู่ที่ 309.8 กก. ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ABS , Cruise control ส่วน Traction control เป็นออฟชั่นเสริม

Overview

ต้องยอมรับว่า Breakout นั้นเป็นรถที่มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะจากโครงสร้างที่ยาวและเตี้ย แบบช็อปเปอร์สไตล์ Drag รูปทรงของถังสุดคลาสสิคที่ถูกเสริมความทันสมัยด้วยไฟหน้า All-LED ใหม่ รับบังโคลนขนาดใหญ่ดีไซน์สะอาดตาที่อยู่เหนือยางหลังไซส์เบิ้ม ดูเข้ากับไฟเลี้ยวและไฟท้ายเรียบ ๆ  อย่างลงตัว แน่นอนว่าเมื่อมันถูกออกแบบมาแนวนี้ สิ่งที่เน้นหลักคือสมรรถนะสูงสุดบนทางตรง เพราะน้ำหนักนั้นตกไปด้านหน้าและคอยกดไว้ไม่ให้ล้อหน้าเหิน ท่วงท่าการขับขี่ก็เช่นกันฮาร์ลีย์วางองศาคอมาให้ Rake สูงถึง 34° ส่วนความลาดเอียงกันสะเทือนหน้า (Trail) อยู่ที่ 145 มม. เมื่อรวมกับระยะความกว้างและการกางออกของปลายแฮนด์ทำให้ท่านั่งขี่ต้องก้มตัวและกดน้ำหนักไปยังหน้ารถ หลังจึงต้องงอเล็กน้อย ในขณะที่หัวไหล่ และช่วงแขนเองก็ถูกกระเถิบตามไปด้วย ถึงตัวแฮนด์จะสูงขึ้นอีก 3 ถึง 4 นิ้วและเอนเข้าหาตัวผู้ขับขี่ก็ตาม

แล้วแบบนี้จะไม่ทำให้หน้าหนัก เลี้ยวยากเหรอ? ถ้าลองขี่ดูจะรู้เลยว่ามันไม่หนักอย่างที่คิด เพราะ H-D แก้ทางด้วยการใช้ล้อหน้าขอบ 21 นิ้ว มาบังคับให้น้ำหนักรวมดันย้อนกลับไปด้านหลัง เมื่อรวมกับยางหน้าขนาด 130/60 และโช้คหน้า DBV แกน 49 มม. ที่วาล์วน้ำมันผ่านทางเดียวแบบสุญญากาศจึงทำให้การเลี้ยวทั้งซ้าย-ขวา ทำได้ง่ายเกินคาด ทั้งช่วงล่างยังสามารถซับและกระจายแรงสะเทือนได้แบบหมดจด นุ่มไม่กระด้าง

สวิตช์บนแฮนด์ต่าง ๆ วางมาเรียบง่ายไม่วุ่นวาย ด้านขวาเป็นสวิตช์สตาร์ทเครื่องยนต์ติดกับ Run-off ฝั่งซ้ายเป็นแตร ไฟเลี้ยว Cruise Control เรือนไมล์สี่เหลี่ยมตรงกลางไม่ใหญ่มากนักพอเห็นความเร็ว เกจวัดน้ำมันและสัญญาญต่าง ๆ ได้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ขี่โฟกัสไปกับเส้นทางด้านหน้าเป็นสำคัญ

ในเรื่องของดีไซน์ Breakout 117 เน้นความมันวาวของโครเมี่ยมทั้งสองด้าน ตั้งแต่ตัวเครื่องยาวไปจนถึงปลายท่อไอเสีย ซึ่งต่างจากตัวปี 2018 ที่ครึ่งหลังของตัวรถทำมาเป็นสีดำ ดีไซน์ของฝาครอบวาล์วที่ออกแบบมาให้มีความนูนตรงบริเวณกระเดื่องกดวาล์วให้อารมณ์เหมือนรถเครื่องทวินแคม แต่จริง ๆ แล้วก้านกระทุ้งยังคงไขว้เยื้องกันจากแคมเดี่ยวด้านล่าง โดยโลปไอเสียสูบหน้าจะอยู่ด้าน นอกสุด กระเถิบโลปตัวที่ 1 เป็นไอดีสูบหน้า ส่วนสูบหลังโลปตัวที่ 3 เป็นไอเสีย และตัวที่ 2 เป็นโลปไอดีของสูบหลัง เรือนลิ้นเร่งที่ใช้ร่วมกันกับท่อร่วมไอดี (Manifold) เป็นแบบออกสองทางโดยผ่านลิ้นปีกผีเสื้อขนาด 55 มม. อีกจุดที่สำคัญและเตะตามากคือ Air intake ท่อดูดอากาศไฮ-เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่วางงอออกด้านนอกและหันไปด้านหน้า พร้อมกรองเปลือย เพื่อให้สามารถดูดอากาศเย็นด้านนอกเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยเสริมแรงบิดในรอบกลางให้มีความหนักแน่นถึงใจ ซึ่งอาจรู้สึกติด ๆ ตรงหัวเข่าไปบ้าง แต่เรื่องความเท่บอกเลยว่าไม่เป็นสองรองใคร

ทั้งหมดวางมาบนเฟรม Softail ใหม่ที่น้ำหนักเบาลง แต่ยังมั่นคงแข็งแรง สวย ซ่อนรอยต่อตะเข็บมาได้เนียน รูปทรงมีความคลาสสิคสไตล์ Hard Tail อย่างที่กล่าวในตอนต้นว่า Breakout 117 นั้นเป็นรถรุ่นที่ 3 ในตระกูล Softail ที่ใช้เครื่อง M8 117 ถัดจาก Low rider S และ ST ซึ่งให้แรงม้า แรงบิด และมีอัตราทดเกียร์เบอร์เท่ากันหมด เฟรมที่ใช้จึงเป็นตัวเดียวกัน แตกต่างกันแค่องศาคอ Rake ที่ Breakout วางมา 34° ส่วนอีกสองรุ่นแค่ 28° เท่านั้น ในขณะที่ระยะฐานล้อ Breakout ยาวถึง 1,695 มม. มากกว่า Low rider S และ ST ถึง 80 มม.

Riding Impression

บีบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ขุมพลัง Milwaukee-Eight 117 1,972 ซีซี ที่มีลูกสูบโตกว่ารถยนต์ City car ติดขึ้นพร้อมเสียงคำรามแน่น ๆ และเดินเบาดังตุบตับ ๆ เข้ากับสไตล์แบบ Drag ของ Breakout ที่พร้อมกระโจน ด้วยแรงบิด 169 นิวตันเมตร ที่มาในรอบต่ำแค่ 3,500 รอบ/นาที จริง ๆ จะสตาร์ทแล้วเข้าเกียร์ตามปกติก็ได้ แต่เนื่องจากเกียร์นั้นใช้เฟืองเฉียง (Helical Gear) ที่มีความแข็งแรง และต้องการพื้นที่เกาะจับระหว่างเกียร์มากเป็นพิเศษ เครื่องยนต์ลูกโตกำลังสูง ข้อเหวี่ยงมีน้ำหนักมาก ชุดคลัตช์กับเกียร์แยกกัน เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังกั๊ก! และถนอมรถใหม่ให้เข้าเกียร์ได้นิ่ม ๆ ผมเลยเลือกใช้วิธีนี้

ระบบคลัตช์ตัดต่อกำลังได้นิ่มหมดจด เริ่มกดคันเร่งจาก 1,700 รอบ แรงบิดอันมหาศาลก็พาโครงสร้างของ Breakout พร้อมน้ำหนักตัวผมให้เคลื่อนตัวออกไปแบบแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม อัตราเร่งมาไวเพียงเสี้ยววิจากทอร์คจัด ๆ ที่ส่งมาแบบทันท่วงทีทำเอาเผลอยิ้มที่มุมปากในขณะที่ขางัดต่อขึ้นไปยังเกียร์ 2 พอถึงเกียร์ 3 ที่อัตราทดเกียร์เปลี่ยนเป็น 4.793 พร้อม ๆ กับการกระแทกให้เรือนลิ้นเร่งขนาด 55 มม. เปิดเต็มรัก แรงบิดและแรงม้าก็พุ่งขึ้นมารับกันทันที ม้าทั้ง 102 ตัว ห้อออกมาเต็มที่ในเกียร์ 5 ซึ่งความเร็วทะลุ 140 กม./ชม. ไปแล้ว จนถึงเกียร์ 6 พร้อมคันเร่งที่เปิดคาไว้ ด้วยอัตราทดขั้นสุดท้ายถ้าเทียบกับรถสเตอร์ก็คือหน้า 32 ฟัน หลัง 66 ฟัน Breakout ยังคงดึงจนตัวผมไหลไปติดสเต็ปเบาะ ความเร็วก็พุ่งขึ้นไปแตะเกือบ ๆ 170 กม. แบบนิ่ง ๆ โดยไม่ต้องเย้อคอยต้านกำลังเครื่องยนต์ให้เมื่อยแขน คือมันวิ่งทางตรงได้เสถียรมากเหมือนจรวดทางเรียบที่เรานั่งขี่ไปแบบสบาย ๆ สไตล์ช็อปเปอร์

พอยกคันเร่งเอนจิ้นเบรกที่น้อยก็ไม่ทำให้เครื่องยนต์ตันในปลายเกียร์ เพราะตอน H-D ขยายความจุกระบอกสูบและช่วงชักของเครื่อง M8 117 เขาต้องเพิ่มขนาดของวาล์วไอดี เพื่อป้อนเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้ และขยายวาล์วไอเสียให้ใหญ่ขึ้นเพื่อคายกำลังอัดออกได้เร็วขึ้นตามต้องการด้วย กราฟกำลังเครื่องยนต์จึงไม่ตกในทันที และทำให้รถปลายไหล

สิ่งที่รองรับกำลังของเครื่องยนต์และน้ำหนักรวมที่ตกมายังด้านหลังเมื่อรถเคลื่อนตัว และยิ่งกระแทกคันเร่งส่งแรงม้าทั้งหมดลงพื้นอย่างรวดเร็วคือ ระบบกันสะเทือนและยาง ตรงจุดนี้ Breakout 117 ทำได้อย่างลงตัวด้วยโช้คหน้า ขนาดแกน 49 มม. Dual Bending Valve ที่มีค่าสปริงแบบ Dual rate (มีสปริงสองขดที่ให้ค่าความแข็ง/อ่อนสองค่าในกระบอกเดียว) และโช้คหลังเดี่ยว ระยะยุบ 43 มม. ซึ่งซ่อนอยู่ในเฟรม Softail โดยหน้ารถนั้นมีความนิ่ง ไม่กระพือ และท้ายไม่มีอาการย้วยให้เห็นแม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว ตัวโช้คมีจังหวะหนืดให้ยางเกาะและส่งถ่ายน้ำหนักให้กลับคืนสู่บาร์ลานซ์อย่างเหมาะสม ทำให้ตัวรถรู้สึกเกาะถนน ขี่ได้นุ่มและนิ่งตลอดเส้นทางที่ทดสอบ

เมื่อถึงช่วงของทางที่มีโค้งคดเคี้ยว ทั้งโค้งแคบ กว้าง หักศอกแบบจัดเต็มคาราเบล สิ่งแรกที่หลายคนคิดคงเป็นยางหลังไซส์ 240 จะทำได้ดีไหม? รถขืนมากในมุมเลี้ยวรึเปล่า? และเลี้ยวในมุมแคบ ๆ ละเป็นยังไง? ต้องบอกว่าตรงจุดนี้ Breakout 117 ทำได้ดีเกินคาด ถึงตัวรถจะถูกวางคอนเซ็ปท์มาให้เป็นโมเดิรน์ช็อปเปอร์สไตล์ Drag ที่เน้นสมรรถนะบนทางตรงก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วรถที่ใช้ยางหลังแบบ Over-size มักมีอาการขืนอย่างชัดเจนเวลาเข้าโค้งจนเราต้องเตรียมตัวจัดท่าทางการบังคับ ไม่ว่าจะเป็นการดึงแฮนด์เข้าด้านใน ดันแฮนด์ออกด้านนอก หรือใช้เท้ากดช่วย แล้วแต่รุ่นแล้วแต่คัน เวลาเลี้ยวก็เช่นกัน มีทั้งเลี้ยวด้วยการหักแฮนด์หรือใช้ยางหลังในการทำมุมเลี้ยว

สำหรับ Breakout 117 เวลามุดผ่านการจราจรหรือในความเร็วต่ำเราสามารถเลี้ยวด้วยการหักแฮนด์ได้เลยไม่ต่างอะไรจากสไตล์นี้ทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อพูดถึงการเข้าโค้งด้วยความเร็ว การใช้ยางหน้าขอบ 21 นิ้ว เสริมด้วยโช้คหน้าแกนยาวและระยะเทรล 145 มม. ช่วยดันน้ำหนักกลับมาด้านหลังขณะรถเคลื่อนตัวไปด้านหน้า ผู้ขับขี่เลยไม่ต้องรับภาระในการบังคับมาก แน่นอนยางหลัง 240 เวลาเลี้ยวเราอาจต้องเอียงตัวตามรถเยอะหน่อย แต่ก็แค่นั้นจริง ๆ เวลาเราเอียงตัวตาม น้ำหนักรถ และน้ำหนักเครื่องมันไปตกอยู่ด้านหลังอยู่แล้วเพราะหน้าสูงขึ้น ยางหลังกว้างแก้มยางเกาะได้เต็มที่ พักเท้า Forward อยู่ด้านหน้า เราเอียงตัวตามรถเยอะ ให้น้ำหนักเยอะ เครื่องก็ไม่ครูดพื้น เพราะเซ็ตอัพนี้รองรับการเอียงรถได้ถึง 26.8° แน่นอน มันอาจไม่ได้เข้าและออกโค้งได้คล่องตัวเหมือน Low Rider S หรือ ST แต่ก็ขี่ง่ายกว่าพวกคัสตอมช็อปเปอร์สมัยก่อนแบบหนังคนละม้วน ยิ่งทางยาว ๆ ที่โค้งกวาดรับกันกว้าง ๆ Breakout 117 ยิ่งทำได้ดี ถ้าเจอโค้งแคบเราก็แค่ทำมุมให้กว้างมากที่สุดก่อนเข้า และเลี้ยวโดยใช้ความโค้งของยางหลัง เรียกว่าใช้เวลาไม่นานก็สามารถจับฟีลได้ ยิ่งรถนิ่ง ไม่ย้วย ไม่กระพือ และเกาะถนน มันก็ยิ่งใช้เวลาสั้นขึ้นไปอีกในการทำความคุ้นเคยเพราะขี่ได้มั่นใจ สุดท้ายคือระบบเบรก ซึ่งเบรกหน้าดิสก์เดี่ยว คาลิปเปอร์ 4 พอท สามารถชะลอความเร็วของตัวรถได้แบบเหลือเฟือ ไม่ต้องเผื่อ ไม่ต้องลุ้น รถฐานล้อยาวและมีระบบเบรก ABS ยิ่งหยุดได้เสียมั่นใจ

สรุปส่งท้าย

Breakout 117 เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นจากฮาร์ลีย์ที่มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง เครื่องยนต์พลังสูง เสียงเพราะ ล้อหลังไซส์ใหญ่ โครเมี่ยมแวววับล้อแม็ก 26 ก้าน ยางหลัง Over-size มันเป็นโมเดริน์ช็อปเปอร์ที่มาพร้อมลุคเก๋า ๆ ทรงแบด ๆ ที่ขี่ไปไหนก็เชื้อเชิญให้ต้องเหลียวมอง รายละเอียดการพัฒนาและปรับปรุงในโมเดลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ M8 117 หรือเรื่องของการปรับดีไซน์รูปลักษณ์ ทำให้มันกลายเป็น Breakout รุ่นที่ครบ จบ มีทั้งฟอร์มและฟังก์ชั่น เอาเป็นว่าถ้าสนใจ อยากได้รถสไตล์นี้ไว้ขี่ซักคัน หรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับรถฮาร์ลีย์รุ่นอื่น ๆ Harley-Davidson of Bangkok หรือ ฮาร์เล่ย์ พระราม 9 เขามีรถให้ลองและพร้อมให้บริการอยู่แล้วครับ ยกหูหาได้เลย

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือนัดทดลองขับขี่ได้ทุกวัน
👉Inbox: m.me/HDBKK
> Tel.: 099-339-1888, 02-318-8488
  • Word/Test: Saen Boonchoeisak
  • 📷: ชัยวัฒน์ เตยหอม

Related