Benelli TRK 502 – 2021 ปรับใหม่ เนียนขึ้น เสถียรกว่า ราคายังโดนใจ
ทุกวันนี้บ้านเรามีรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ใหญ่ให้เลือกซื้อเลือกหากันเรียกว่าครบทุกเซกเมนต์แล้วก็ว่าได้ เพราะมีทั้งแบบ On road ไม่ว่าจะเป็น สปอร์ต เน็คเก็ต ทัวร์ริ่ง หรือแม้กระทั่งรถประเภท แอดเวนเจอร์ หรือ ดูอัลเพอร์โพสที่สามารถขับขี่ใช้งานได้ทั้งแบบ Off road และทางเรียบ แน่นอนว่าปัจจัยที่เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจ ‘ซื้อ’ รถของผู้บริโภคบ้านเรา (หรือทั่วโลก) นอกจากความชอบในรูปลักษณ์ ในสไตล์การขับขี่ที่จำแนกไว้ตามประเภทรถแล้ว ยังรวมไปถึงเรื่อง ขนาดของโครงสร้าง ราคา น้ำหนัก กำลังเครื่องยนต์ ความเหมาะสมต่อขนาดร่างกายของผู้ขี่ ฯลฯ
เหล่านี้ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผู้ใช้เกิดความลังเล ซึ่งกลยุทธที่ผู้ผลิตใช้ในการกลบช่องว่างระหว่างรถระดับเริ่มต้นที่มีซีซีน้อย กับรถพิกัดใหญ่ซีซีสูง ๆ ซึ่งอาจจะยากเกินการควบคุมหรือกำลังในการซื้อของใครหลายคน และช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อรถได้ตรงใจมากขึ้น คือการผลิตรถจักรยานยนต์ระดับกลางออกมาสู่ตลาด โครงสร้างกำลังดี มีซีซีอยู่ในระหว่าง 500 – 650 ซีซี, ราคาไม่สูง, มีองค์ประกอบในการใช้งานครบถ้วน, กำลังเครื่องยนต์ควบคุมได้สบายมือ, แข็งแรง และอเนกประสงค์ ซึ่ง Benelli คือหนึ่งในค่ายผู้ผลิตที่มีประสบการณ์ในการผลิตรถพิกัดนี้มาอย่างยาวนาน แม้กระทั่งในเซกเมนต์อย่าง Adventure ค่ายสิงโตค่ายนี้ก็ยังมีรถในตระกูล TRK ไว้คอยรองรับ
ผมเองค่อนข้างคุ้นเคยกับแบรนด์นี้เป็นอย่างดีเพราะเคยทดสอบรถจักรยานยนต์ของเขามาหลายรุ่นตั้งแต่สมัยเข้ามาทำตลาดใหม่ ๆ และเห็นพัฒนาการ ตั้งแต่ความตั้งใจในการขยายศูนย์บริการให้มีความครอบคลุม รวมถึงการพยายามปรับปรุงแก้ไขผลิตภัณฑ์ตามฟีดแบคของผู้ใช้ ล่าสุดก็เพิ่งนำรถคลาสสิคอย่าง Imperial 400 ไปทดสอบ หรือแม้กระทั่ง TRK 502 ตัวเก่าก็เคยพูดถึงไปแล้วด้วยเช่นกัน มาวันนี้ Benelli ปรับปรุงรายละเอียดของ TRK 502 รุ่นปี 2021 ใหม่ ให้เนียนขึ้น เสถียรกว่า แต่ยังมีราคาที่จับต้องได้ คือ เริ่มต้น 229,900 บาท พร้อมรับประกันเครื่องยนต์ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และบริการ Benelli Assist 24HR 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดูดีอยู่ไม่น้อย
เรามาดูกันว่า TRK 502 รุ่นปี 2021 นั้นมีอะไรแตกต่างจากรุ่นเก่าบ้าง และทำออกมาได้โดนใจขึ้นแค่ไหน แบบไล่กันไปเป็นข้อ ๆ
โครงสร้างหลัก
เฟรมยังคงแข็งแรง เฟรมท่อเหล็กที่เชื่อมต่อเป็นองศาตามจุดรับน้ำหนักอย่างเหมาะสมแบบ (Trestle in steel tubes) ยังมีองศาคอ (Rake) และองศาความลาดเอียงกันสะเทือนหน้า (Trail) เท่าเดิมเพราะต้องรับน้ำหนักของรถ และมีการบังคับเลี้ยวที่ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมาคือ การปรับซับเฟรมหลังใหม่ให้เตี้ยลงอีกอย่างน้อย 3 นิ้ว พร้อมการติดตั้งเบาะที่ต่ำลงอีก 5 มม. เมื่อขึ้นไปนั่งจะรู้สึกได้ทันทีว่าเท้าทั้งสองด้านแตะพื้นได้เต็ม ๆ TRK 502 รุ่นก่อนหน้านี้ต้องเขย่งปลายเท้าเพื่อแตะพื้น ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องการบาลานซ์ จุดนี้ทำให้น้ำหนักของรถ 213 กก. รู้สึกหนักมาก แต่บน TRK ใหม่เมื่อเท้าทั้งสองข้างเหยียบพื้นได้เต็มที่อย่างมั่นคง น้ำหนัก 213 กก. จึงกลายเป็นเรื่องที่รับมือได้ง่ายขึ้นทันที
เมื่อช่วงขาทั้งสองด้านงอได้มากยิ่งขึ้น การยืนขี่ก็ยิ่งเพิ่มความกระชับเพราะส่งผลให้การหนีบรถ และการเทน้ำหนักตัวไปด้านหน้าสามารถทำได้มากยิ่งขึ้น และพอกางแขนออกได้เยอะจึงทำให้การเอียงรถทั้งบนถนนดำ และทางฝุ่นทำได้อย่างคล่องตัว เช่นเดียวกันเมื่อนำรถวิ่งฝ่าการจราจรที่หนาแน่นการสวิงซ้ายขวา หรือใช้เท้าประคองผ่านการจราจรก็ยิ่งทำได้สะดวก ทำให้รถรู้สึกเบาและคล่องตัวขึ้น เลี้ยวมุมแคบได้ง่ายกว่า ที่สำคัญคือสเกลของรถยังคงเท่าเดิม ดูผ่าเผยแข็งแรง ตามสไตล์ Adventure ถึงแม้จะปรับความสูงของซับเฟรมลง แต่ระยะใต้ท้องเครื่องก็ยังคงอยู่ในมาตรฐานเดิมคือ 220 มม. หรือ 8.7 นิ้ว
รูปลักษณ์
มีการปรับลวดลายกราฟิกใหม่ทั้งในส่วนของตัวรถ และหน้าปัดเรือนไมล์ (เปลี่ยนสีเรือนไมล์ใหม่ด้วย) สวิตช์แฮนด์เป็นไฟ LED เรืองแสง กระจกมองใหม่มีโลโก้ TRK การ์ดแฮนด์เองก็ถูกออกแบบใหม่เช่นเดียวกัน แฮนด์บาร์เปลี่ยนเป็นสีดำด้านพร้อมแถบระยะสำหรับปรับตั้งองศาการจับ เพิ่มการ์ดป้องกันแบบใหม่สำหรับฝาครอบคลัตช์เครื่องยนต์ ปิดท้ายด้วยแรคท้ายโลหะผสมอลูมิเนียม ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ดูสวยสะดุดตาดี
ช่วงล่าง
ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบ Upside – down แกน 50 มม. กันสะเทือนหลังติดตั้งตรงจากสวิงอาร์มปรับค่าความตรึงของสปริงได้ Benelli ใช้โช้คหน้าของ Marzocchi มาโดยตลอด การออกแบบโช้คให้สามารถรองรับรถจักรยานยนต์ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะจำเป็นจะต้องให้กันสะเทือนนั้นมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ อาจให้ฟีลลิ่งที่กระด้างไปบ้างในบางจังหวะแต่บอกได้เลยว่า หนึบ ,เสถียร ,มั่นคง และเพิ่มความเกาะถนนได้ในทุกย่านความเร็วเลยทีเดียว
ระบบเบรก
ในส่วนของระบบเบรกเรียกว่าให้ออฟชั่นมาค่อนข้างครบเพราะเป็น ระบบเบรก ABS หน้า-หลัง เบรกหน้าเป็นแบบ เรเดียลเมาท์ 4 พอต ดิสก์คู่ขนาด 320 มม. ใหญ่เท่ากับรถสปอร์ต กับดิสก์หลังขนาด 260 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบโฟลทติ้ง 2 พอต วงล้อเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ด้านหน้าขนาด 17 นิ้ว ด้านหลังขนาด 17 นิ้ว ยางหน้า 120/70-R17 ขนาดยางหลัง 160/60-R17
สัมผัสสมรรถนะ
เครื่องยนต์สูบคู่ Parallel twin สี่จังหวะ 4 วาล์ว/สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ กระบอกสูบ x ช่วงชัก 69.0 x 66.8 = 500.0 ซีซี เป็นแบบ Over square x short stoke (เส้นรอบวงของลูกสูบยาวกว่าช่วงชัก) กำลังอัด 10.5:1 ให้กำลังสูงสุด 48 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 46.0 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดพร้อมเรือนลิ้นเร่งคู่ (Double Throttle body) เกียร์ 6 สปีด บล็อกนี้ ถึงจะใส่ Catalytic Converter กับ Oxygen Sensors และผ่านมาตรฐานไอเสียตามเกณฑ์ Euro 4 มาแล้ว แต่ยังคงให้กำลังของเครื่องยนต์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ออกแบบมาโดยเน้นการบังคับควบคุมที่ง่าย คล่องตัวและความสบายด้านการใช้งานเป็นหลัก
ในส่วนของอัตราเร่งรอบต่ำที่หลายคนคิดว่ารถนั้นมีรอบ หรือรอรอบ แต่จริง ๆ แล้วรถขนาดความจุกระบอกสูบ 500 ซีซี นั้นไม่ได้มีพละกำลังมากมายมหาศาลเหมือนกับรถในคลาสพันประกอบกับตัวรถเองที่มีน้ำหนักกว่า 200 กก. อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่แตกต่างกันย่อมทำให้การเคลื่อนตัวในรอบต่ำต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงประมาณนึง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในทางตรงกันข้ามหากเรามองถึงเรื่องความปลอดภัย การส่งกำลังในลักษณะนี้กลับนำมาซึ่งความนิ่ง เสถียร ไม่ว่าจะเป็นทางธุรกันดารหรือทางเรียบเมื่อเร่งรถก็ไม่ค่อยมีอาการกระพือ
เมื่อเริ่มใช้รอบเครื่องยนต์สูงในเกียร์ต่ำก็พบว่ารถนั้นควบคุมไม่ยากเพราะแฮนด์บาร์มีความกว้างเป็นแฮนด์แบบรถโมโตครอส จึงมีกำลังจากลำตัว,หัวไหล่,แขน และข้อมือในการคุมรถเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากเรารู้จักใช้รอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับเกียร์ หรือเพิ่มรอบให้สูงขึ้นเล็กน้อยโดยใช้คลัตช์ในจังหวะที่เหมาะสมก็จะทำให้ทุกอย่างนั้นง่ายขึ้นมาก หรือถ้ายังไม่ทันใจก็อาจจะเพิ่มสเตอร์หลังให้ใหญ่ขึ้นอีกสัก 2 ฟัน เครื่องยนต์ก็จะทำงานเบามือขึ้นอีกโขเลยทีเดียว
สำหรับเรื่องของช่วงล่างผมค่อนข้างมั่นใจ เพราะ Benelli เลือกใช้โช้คหน้าที่แกนใหญ่, สปริงใหญ่, วาล์วน้ำมันตัวโต โดยมีชิมวาล์วที่ไม่กระพือเมื่อมีการกระแทกไม่ทำให้เกิดฟองอากาศภายใน จึงมีความหนืดดีทีเดียวทั้งหน้า-หลัง บางจังหวะอาจมีรู้สึกว่ามันกระด้างไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แข็งจนกลายเป็นภาระของยางที่รัดมา เมื่อกันสะเทือนไม่ดีด, ไม่เด้งแบบไร้สาเหตุการสั่งงานจากคันเร่งจึงทำได้ดีพอควร ไม่ว่าจะสั่งท้ายสไลด์ หรือกระทุ้งคันเร่งให้หน้าเหินเวลาขี่ลุยก็สามารถ ถึงจะมีน้ำหนักเข้ามาคอยฉุดไว้บ้าง แต่ถ้าจับจังหวะกำลังของเครื่องยนต์ได้ Benelli TRK 502 ก็สามารถลุยไปได้ตามที่เราต้องการ
ด้านความกระชับ หลังจากที่ปรับให้ซับเฟรมหลังเตี้ยลงจนเท้าทั้งสองข้างแตะพื้นได้แบบเต็ม ๆ เบาะที่เคยสูงก็ต่ำลงมาอย่างชัดเจน นอกจากจะทำให้ช่วงขางอได้มากขึ้นแล้ว เมื่อไหร่ที่ยืนขี่จะรู้สึกได้ทันทีว่า สามารถเทน้ำหนักตัวไปด้านหน้าได้มากขึ้น ได้ขนาดวางตัวระนาบไปกับถังน้ำมันซึ่ง เอว, ลำตัว, หลัง, หัวไหล่,แขนทั้งช่วง และข้อมือนั้นจับแฮนด์บาร์สูงได้อย่างสบาย ทั้งยังล็อคเฟรมด้วยช่วงขา,หัวเข่า แน่นมากยิ่งขึ้นจนไม่ทำให้รถแกว่งง่าย ๆ สรุปคือรู้สึกควบคุมแล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถมากขึ้นนั่นเอง
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ Benelli TRK 502 รุ่นที่ผ่านมา New TRK 502 – 2021 ยังคงให้กำลังของเครื่องยนต์ที่ไม่แตกต่างไปจากเดิม ยังคงนุ่มมือ บังคับง่าย และขี่ทางไกลไม่เหนื่อย แต่สิ่งที่ได้รับในรุ่นใหม่นอกจากความสวยงามของรายละเอียดภายนอกคือ การเอาชนะน้ำหนัก 213 กก. ด้วยความเตี้ยจนเท้าแตะพื้นได้ทั้งสองด้าน ซึ่งเสริมให้การบังคับนั้นรู้สึกเบาจนแทบไม่รู้สึกว่าแบกน้ำหนักระดับ 200 กก. ไว้ ความคล่องตัวที่เพิ่มมากขึ้นในการฝ่าการจราจร หรือแม้กระทั่งการลุย ย่อมทำให้รถขี่ได้สนุก มั่นใจมากยิ่งขึ้น สำหรับท่านที่กำลังสนใจรถแอดเวนเจอร์พิกัดกลางราคาสองแสนต้น ๆ ไปลองสัมผัสกันได้แล้วที่ตัวแทนจำหน่าย Benelli ใกล้บ้านครับ