0

แรงจัดระดับทีมแข่ง..!! ลอง CVO™ Road Glide™ ST 135 Ci SCREAMIN’EAGLE STAGE IV ที่สุดของเพอร์ฟอร์แมนซ์จากฮารลีย์-เดวิดสัน

ในปัจจุบัน การทำแบรนด์ดิ้งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์เหนือคู่แข่ง คำว่า “ไอคอนนิก” (iconic) จึงถูกนำมาใช้บ่อยครั้งเพื่ออธิบายถึงสิ่งที่โดดเด่น เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงตัวตน สำหรับรถจักรยานยนต์ Harley-Davidson เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและคนจดจำได้มากที่สุดทั่วโลก ขนาดที่ว่าแม้จะพูดกันคนละภาษา แต่เพียงแค่เอ่ยชื่อขึ้นมา คู่สนทนาของคุณก็จะต้องร้องอ๋อ ในทันที

สิ่งที่ทำให้ “ฮาร์ลีย์” โดดเด่นไม่ได้มีแค่ประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 120 ปี และการคงเอกลักษณ์ความคลาสสิกที่ครองใจผู้ใช้มาอย่างยาวนาน เพราะช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากอเมริกามุ่งมั่นพัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ Revolution Max ซึ่งนำไปสู่ไลน์อัพที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น อย่าง Pan America, Sportster S และ Nightster พร้อมเปิดตลาดใหม่ในเอเชียและอินเดีย เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าหน้าใหม่

ขณะเดียวกันก็ยังพัฒนาระบบ VVT (Variable Valve Timing) มาประยุกต์ใช้ในเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight ซึ่งเป็นเครื่อง Pre-unit construction แบบดั้งเดิม จนออกมาเป็นเครื่อง 121ci VVT V-twin 45° ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรถรุ่นเรือธงตัวจบสายถนนอย่าง CVO Road Glide และ CVO Street Glide

แต่ความ “สุด” มันไม่ได้จบแค่ตรงนี้ เมื่อ Harley-Davidson of Bangkok, Thailand หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ Power Station พระราม 9 ยกหูหาเราว่าอยากให้มาลองเครื่อง Screamin’ Eagle Milwaukee-Eight Engine 135 Performance ซึ่งเป็นเครื่อง Crate Engine ประกอบเสร็จสรรพใส่ลังบินทะยานตรงมาจากแผนกวิศวกรรมของฮาร์ลีย์ในมิลวอกี้ ที่ขยายความจุกระบอกสูบจาก 121 ขึ้นไปเป็น 135 ลูกบาศก์นิ้ว (2,212 ซีซี)  และนำมาใส่ใน CVO™ Road Glide™ ST คันละ 3.2 ล้าน

โดยเป็นคันเดียวกับที่ James Rispoli “เจมส์ ริสโพลี” นักแข่งจากทีม Harley-Davidson Factory ขี่ในงาน H-D Trackday Masterclass ที่จัดขึ้น ณ สนามพีระ เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน สมรรถนะที่บอกว่าการันตีความแรงระดับทีมแข่งโรงงานจะเป็นยังไง นำมาใส่ใน CVO™ Road Glide™ ST แล้วจะรู้สึกแตกต่างจากเครื่อง M8 121 High Output (HO) ที่ผมเคยลองมาในสนามพีระ งานนี้มีทางเดียวที่จะรู้ได้ Go big or Go home!

ความพิเศษและเงื่อนไข

คนที่ชอบฮาร์ลีย์-เดวิดสันหรือรถครุยเซอร์น่าจะเคยได้ยินเรื่องของการ “ทำแรง” อย่างการใส่ชุด Screamin’ Eagle Stage I, II, III และ IV กันมาบ้าง เมื่อแบรนด์เป็นที่นิยมไปทั่วโลก แน่นอนว่าย่อมมีการคัสตอม การทำรถกันอย่างแพร่หลาย ร้านแต่ง ร้านซ่อม และอะไหล่ Aftermarket ของฮาร์ลีย์จึงผุดขึ้นมามากมายเป็นดอกเห็ด แต่สิ่งที่ตามมาคือ บ้างก็ทำไม่ได้มาตรฐาน บ้างก็เป็นชิ้นงานที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งนั่นส่งผลกระทบต่อความทนทาน และความน่าเชื่อถือของตัวผลิตภัณฑ์ จากที่ทำแล้วควรจะแรงขึ้น กลับขี่ได้ไม่ดีเหมือนเดิม แถมเพิ่มเติมปัญหาจุกจิกตามมาอีกร้อยแปด

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เลยออกชุด Screamin’ Eagle Stage Kits มาเพื่อตอบรับตรงจุดนี้ ด้วยชิ้นส่วนเพิ่มสมรรถนะที่ผลิตมาจากโรงงาน ซึ่งแบ่งไล่ไปเป็นสเตจ เริ่มตั้งแต่เปลี่ยนกรองกับท่อ เปลี่ยนแคม กระบอกสูบขยายความจุ พร้อมลูกสูบ ไปจนถึง Stage IV ที่เปลี่ยนยัน ฝาสูบ เรือนลิ้นเร่ง ก้านกระทุ้ง ชิ้นส่วนภายในชุดคลัตช์ และอื่น ๆ ซึ่งข้อดีของมันคือคุณไม่ต้องไปปวดหัว นั่งเปิดหาอะไหล่ หา Performance Parts ในเน็ต แถมไม่ต้องไปหาร้านทำที่เชื่อถือได้ แค่ยกหูหาดีลเลอร์ใกล้บ้าน นัดวัน แล้วขี่รถเข้าไปได้เลย

โดยเฉพาะ Power Station พระราม 9 ที่เขามีทีมวิศวกร และช่างมากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษา อยากได้สเตจไหน ยังไง ขอให้บอก เปลี่ยนแล้วจูนให้เสร็จสรรพ บริการทุกระดับประทับใจ! ที่สำคัญ Screamin’ Eagle Stage Kits พวกนี้ส่งตรงมาจากโรงงานของ H-D ทุกอย่างจึงใส่กับรถสต็อกเดิม ๆ ได้เลย เรียกว่าได้รถแรงสมใจแถมวารันตีไม่ขาด ขี่กันไปได้อีกยาว ๆ แม้กระทั่ง เครื่อง Screamin’ Eagle Milwaukee-Eight Engine 135 Performance ที่เราจะทดสอบในวันนี้ พอเปิดออกจากลังมาก็สามารถยกใส่รถได้ทันทีโดยไม่ต้อง ตัด แต่ง หรือโมเฟรมอะไรเพิ่มเติม จุดยึดรูร้อยน็อตทุกอย่างตรงเป๊ะ

ติดอยู่ตรงที่ ยูสเซอร์ทั่วไปสามารถทำได้ตั้งแต่ Stage I ถึง IV ส่วนเครื่อง Screamin’ Eagle Milwaukee-Eight Engine 135 Performance บล็อกนี้ตามกฎของ H-D ใหญ่ เขาสงวนสิทธิ์ไว้ให้ นักแข่ง ทีมแข่ง และทีมโรงงานโดยตรงเท่านั้น (เอาจริง ๆ ทำสุดถึงสเตจสี่ก็แรงเหลือจนขี่ไม่หมดแล้ว)

135ci สุดแค่ไหน ใส่อะไรมาบ้าง

เครื่อง Screamin’ Eagle® 135ci Stage IV Performance Crate Engine ใหม่บล็อกนี้พัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ในการแข่งขันของทีมแข่งโรงงานใน MotoAmerica พร้อมถูกประกอบและทดสอบตั้งแต่บนจรดล่างภายในไลน์อัพ Powertrain Operation ของฮาร์ลีย์ที่เมโนมินีฟอลส์, วิสคอนซิน ถ้าเทียบกับเครื่องตัวซิ่งสายถนนอย่าง M8 121ci High Output (HO) ก็ต้องบอกว่ามันต่างกันมาก

อย่างแรกเลยคือกระบอกสูบของเครื่อง 135 ที่กว้างกว่าถึง 5 มม. (กระบอกสูบ X ช่วงชัก 109.4 มม. x 117.4 มม.) เสื้อสูบและครีบระบายอากาศก็ใหญ่ขึ้นมาก นอกจากนี้ยังใส่ปลอกสูบเหล็ก (Steel sleeve cylinders) ที่จดสิทธิบัตรของ H-D และฟลายวิล (Fly Wheel) ขนาด 4 5/8 นิ้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสะสมแรงเฉื่อย ช่วยให้เครื่องสตาร์ทง่าย มีอัตราเร่งรอบอย่างต่อเนื่อง รอบเครื่องมาไว ด้วยการสร้างโมเมนตั้มให้กับชุดสร้างกำลัง (ลูกสูบ ก้านสูบและข้อเหวี่ยง) ที่รับแรงมาจากห้องเผาไหม้ วาล์วขนาดใหญ่ขึ้นอีก 1 มม. ทำงานร่วมกับ แคม SE8-550 High-lift เพิ่มพื้นที่ให้อากาศ/น้ำมันไหลผ่านเข้าออกห้องเผาไหม้ได้มากขึ้น และใช้สปริงวาล์ว High-performance ซึ่งทนต่อการดันตัวของก้าน Push rod ใหม่ (ที่เป็นสเปก High-performance เช่นกัน) เพื่อรับการกด-ยกของแคมชาร์ฟได้อย่างเสถียรในการแข่งขันที่ใช้รอบเครื่องสูงอยู่ตลอดเวลา

ฝาสูบ Screamin’ Eagle Extreme พอร์ท CNC เพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณของอากาศ/น้ำมัน ให้ไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ลื่นและเร็วเพื่อพลังที่มากขึ้น ลูกสูบฟอร์จ High-compression ใหม่กำลังอัด 11.6:1. ทำให้แรงบิดมาเร็ว ผสานกับการจุดระเบิดและคายกำลังอัดที่ลงตัวทำให้เครื่องไม่ตันในปลายเกียร์ พร้อมก้าวข้ามรอยต่อในแต่ละเกียร์ได้อย่างลื่นไหล เรือนลิ้นเร่งใหม่ขนาด 68 มม. ทำงานผสานกับชุดหัวฉีด High-capacity ที่จ่ายน้ำมัน 6.8 กรัม/วินาที และท่อไอดีงาน CNC ที่ใหญ่ขึ้นพัฒนาโดยทีมแข่งโรงงานเพิ่ม Airflow ให้อากาศเย็นไหลผ่านเข้าสู่เครื่องยนต์ได้เต็มแม็กซ์ นอกจากนี้ยังมีชุดปั๊มน้ำมันเครื่อง Cam Plate & Oil Pump คอยเพิ่มแรงดันในระบบและอัตราการไหลของน้ำมันเครื่อง ช่วยให้การหล่อลื่นและระบายความร้อนของเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แรงดันไม่ตกแม้ใช้งานด้วยรอบเครื่องสูง ๆ อยู่ตลอดเวลา ปิดท้ายด้วยกรองอากาศแต่งและท่อไอเสีย Xavier Full system พร้อมการปรับแมพและจูนตามสเปกโรงงานโดยทีมช่างผู้ชำญการของ Power Station พระราม 9 แค่นี้ก็แรงเหลือรับประทาน

2,212 ซีซี แห่งความมันส์.!!

ทีมช่างและเซอร์วิสครบวงจรของ Power Station พระราม 9 นำโดยเซลล์คนสวยน้องหญิง ดุสิตา ขนรถมาให้ FastRides ของเราถึงสนามแก่งกระจาน หลังตรวจเช็คความเรียบร้อย ติดเครื่องยนต์วอร์มเช็คอุณหภูมิ วัดมาตรฐานความดันลมยาง และระดับความตึงเบรกหน้า-หลัง เสร็จทางทีมช่างก็ทำการดับเครื่องแล้วส่งให้ผมที่กำลังง่วนอยู่กับการเปลี่ยนชุดแข่งเป็นผู้รับไม้ต่อ

ถือเป็นความเคยชินส่วนตัวไปแล้วที่เมื่อไหร่ก็ตามที่จับรถฮาร์ลีย์ ผมจะต้องบีบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์เสมอ เพื่อป้องกันเสียงดัง “กั๊ก” และถนอมชุดเกียร์ (ถึงรุ่นใหม่ ๆ เขาจะปรับปรุงแล้วก็ตาม แต่ทำมาเป็นสิบ ๆ ปีจนมันติดเป็นนิสัย) เสียงที่คำรามออกจากท่อ Xavier Full system มันสนั่นลั่นไปทั้งสนาม มาเต็มข้อแบบกระแทกใจจริง ๆ เล่นเอาลืมเครื่อง M8 121ci High Output (HO) ไปเลย

เริ่มต้นจากเส้นสตาร์ทเปิดคันเร่งลงเนินเข้าหาโค้ง 1 ระบบคลัตช์ตัดต่อกำลังได้หมดจดดีมาก จากรอบต่ำแถว ๆ 2,000 รอบ/นาที CVO™ Road Glide™ ST 135 Ci Screamin’ Eagle Stage IV ทะยานออกจากจุดหยุดนิ่งเหมือนนกอินทรีย์ที่แผดเสียงก้องพร้อมพุ่งลงไปโฉบเหยื่อ รอบเครื่องยนต์มาเร็วมาก คันเร่ง Ride-by-Wire ก็ตอบสนองแบบแทบจะ 1:1 แตะปุ๊บมาปั๊บไม่มีอม เครื่องไม่รอรอบเลยเพราะถูกออกแบบมาให้มีแรงม้า รอบเครื่องยนต์ และแรงบิด ที่สามารถพารถครุยเซอร์น้ำหนักมากพุ่งไปด้านหน้าแบบสุดขีด แรงม้า 144 ตัวลงล้อ มาที่ 5,500 รอบ/นาที แต่พีคทอร์ค 202 นิวตันเมตร (149 lb.-ft.) มาในรอบต่ำเพียง 3,500 รอบ/นาที ทำให้การเปิดคันเร่งต่อเกียร์ในรอบสูงทำได้ดีมาก เกียร์เข้าลื่นไม่มีกึกกักเลย ถึงแม้เฟืองเกียร์จะเป็นเฟืองเฉียง (Helical Gear) ที่เน้นรับน้ำหนักกระแทกได้หนัก ๆ ก็ตาม

เมื่อเครื่องไม่รอรอบและรอบต่ำมาเร็ว เราเลยสามารถเปลี่ยนเกียร์สไตล์เรซซิ่งได้โดยไม่ต้องบีบคลัตช์ และเครื่องไม่กระตุก โดยใช้การตวัดข้อมือตามรอบเครื่องที่ไต่ขึ้นไปอย่างรวดเร็วในทุก ๆ เกียร์

อัตราทดเกียร์ ความเร็วรอบเครื่องยนต์ และแรงบิดระดับ 149 ฟุต-ปอนด์

หลายคนเข้าใจผิดว่าเมื่อซีซีเพิ่มขึ้นจะต้องทำให้เกียร์ยาวตาม จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเครื่อง 135ci บล็อกนี้ใช้ชุดเกียร์เดิม แค่แคร้งเครื่องยนต์กว้างและใหญ่ขึ้นจึงต้องใช้เพลทยึดเครื่องใหม่ แต่ห้องเกียร์ยังเป็นชุดเดิม ซึ่งเมื่อซีซีเพิ่มขึ้น บวกกับเครื่องยนต์ไม่รอรอบ เลยทำให้รู้สึกว่าเกียร์นั้นสั้นลง เพราะรอบเครื่องมาเร็ว รถมีกำลังมากขึ้น เราเลยต้องเปลี่ยนเกียร์เร็วตามไปด้วย โดยเฉพาะเกียร์ 1-2-3-4 พอถึง 5-6 จึงสามารถดันรอบปลายให้ยาวขึ้นได้ เพราะอัตราทดเกียร์จะรับกับเครื่องยนต์รอบสูงที่ใช้อยู่แบบพอดิบพอดี

อัตราทดเกียร์มี 2 แบบคือสั้นกับยาว แบบแรกมักใช้กับรถที่มีพละกำลัง ความเร็ว หรือใช้ในการแข่งขัน ส่วนแบบที่ 2 มักใช้ในพวกรถ Adventure ที่มีน้ำหนักมาก แต่เครื่อง Screamin’ Eagle® 135ci Stage IV Performance บล็อกนี้ทำมาเพื่อใช้ในการแข่งขัน พอนำมาใส่กับ CVO™ Road Glide™ ST ด้วยความที่รอบต่ำนั้นมาเร็วมาก เพื่อพาน้ำหนัก 380 กก. ของตัวรถที่ยังไม่รวมผู้ขับขี่ ให้ลอยตัว และทะยานออกไปได้เร็วมากที่สุด ด้วยแรงม้าพร้อมแรงบิดที่จูนมาแบบเต็มกราฟ เราเลยต้องเปลี่ยนเกียร์ 1-4 ให้เร็วมากขึ้น (ถ้าเผลอลากยาวไปกล่องจะตัดทันที) ยิ่งเปลี่ยนไปใช้เรือนลิ้นเร่งขนาด 68 มม. ที่ใหญ่กว่าชุด Stage IV ถึง 4 มม. พอเปิดคันเร่งมันเลยมีคาแรคเตอร์แบบรถสปอร์ตพลังสูงเลย ใครที่เคยขี่ CVO™ ปี 2024 มาเจอตัวนี้รับประกันว่าเร่งแล้วยิ้มแน่นอน

น้อยแต่มาก กำลังอัดในห้องเผาไหม้ 11.6:1.

จะสังเกตเห็นว่ากำลังอัด 11.6:1. นั้นมากกว่าเครื่อง 121 High Output ลูก 103.5 มม. ที่มีกำลังอัด 11.4:1 แค่เล็กน้อยเท่านั้น (ยิ่งถ้าเทียบกับพวกรถคัสตอม หรือพวกรถสปอร์ตเรือธงยิ่งไม่ต้องพูดถึง) สาเหตุเป็นเพราะเครื่องยนต์ 135ci บล็อกนี้พัฒนามาเพื่อการแข่งขันเต็มรอบระยะยาว การใช้กำลังอัดแค่ 11.6:1. พร้อมกับแคม High-lift ทำให้สามารถคายกำลังอัดและไอเสียได้อย่างรวดเร็ว แรงต้านในห้องเผาไหม้ในจังหวะ Over lap น้อย ทำให้อุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์คงที่แม้จะใช้รอบสูงนาน ๆ จึงมีความแข็งแรงทนทาน ม้าทั้ง 144ตัวมาต่อเนื่องในทุกเกียร์ เครื่องไม่สั่น เอนจิ้นเบรกน้อยทั้งในขณะลดความเร็วเฉียบพลัน และลดเกียร์ต่ำอย่างรวดเร็ว (แต่ต้องเบิลคันเร่งไล่กำลังอัดช่วยนิดหน่อย) กำลังมันเลยมาแบบเนียน นุ่ม แต่หนัก ในเวลาเดียวกัน ถึงทอร์คจะสูงถึง 202 นิวตันเมตรแต่ก็คุมไม่ยากเลย

ขี่วนถ่ายคลิปถ่ายภาพอยู่หลายรอบสนาม อีกอย่างที่สังเกตได้คือท่ามกลางอากาศร้อน ๆ ของบ้านเรา ถ้าไม่นับเสียงท่อที่ดังลั่น หากเงี่ยหูฟังเราจะแทบไม่ได้ยินเสียงการทำงานของชิ้นส่วนหมุนวนภายในเครื่องเลย ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนไปใส่ชุดปั๊มน้ำมันเครื่อง Cam Plate & Oil Pump ที่ช่วยรักษาแรงดันให้คงที่เมื่อน้ำมันเครื่องร้อนเหลว เมื่อรวมเข้ากับระบบระบายความร้อนที่ปรับปรุงใหม่ของ CVO กำลังเครื่องเลยไม่ตก ความร้อนเป็นปกติ จริง ๆ วันที่ไป H-D Trackday Masterclass ผมก็เห็นเจมส์ใช้รถคันนี้ขี่ออกไปนำไลน์ตั้งแต่ช่วง 9 โมงเช้า จนถึงสี่โมงเย็น รถก็ไม่มีอาการเครื่องฮีทให้เห็น

ได้เวลาจัดหนัก

เมื่อถึงเวลาลองซัดกันแบบจริง ๆ จัง ๆ อัดสุดทางตรงสนามแก่งกระจานลงโค้งหนึ่งความเร็วไหลไปแตะ 170-180 ได้ไม่แพ้รถสปอร์ต เมื่อกำลังเครื่องยนต์เพิ่มมากขึ้น พลังทั้งหมดถูกส่งลงล้อหลังผ่านอัตราทดเกียร์และรอบเครื่องที่มีความจัดจ้านกว่าสแตนดาร์ด ถึงจะวางมาในรถที่เน้นเพอร์ฟอร์แมนซ์อย่าง CVO™ Road Glide™ ST  แต่พอมาขี่ในสนาม Technical tracks อย่างแก่งกระจาน รถก็ยังมีอาการให้เห็นทั้งหน้า-หลัง เครื่องระดับ 144 ม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร พอเปิดคันเร่งออกจากโค้งโช้คหลังกดและคืนตัวเร็วเกินไป เพราะน้ำหนักรถเยอะ ช่วงยกคันเร่งลดเกียร์ต่ำ ประกอบกับใช้เบรกหน้าหนัก ๆ โช้คหน้ายุบตัวไวไปจากน้ำหนักกดทั้งหมด และคืนตัวไม่แมทช์กับรอบเครื่องยนต์

พอทราบอาการผมเลยนำรถวิ่งเข้าพิท และแจ้งกับทีมงาน Power Station เพื่อทำการปรับตั้ง สิ่งที่เราทำคือไม่แตะสปริง Preload แต่ไปปรับเพิ่ม Compression กับ Rebound ของโช้คทั้งหน้า-หลัง พอลงไปลองอีกรอบทีนี้ก็ซัดได้เลยแบบยาว ๆ รถไม่กระพือทั้งก่อนเข้าโค้ง และช่วงออกโค้ง โครงสร้างไม่แกว่งในจังหวะยกคันเร่ง เติมความเร็วในโค้ง High Speed พร้อมเปลี่ยนเกียร์สูงได้อย่างมั่นใจ จริง ๆ ช่วงล่างที่ให้มาใน CVO™ Road Glide™ ST ก็ดีอยู่แล้ว เพราะโช้คหน้าเป็น Showa หัวกลับ 47 มม. หลัง Twin shock มีซับแทงค์ ปรับตั้งได้เต็มเบอร์ทั้งคู่ ระยะยุบก็เยอะ พอหาเซ็ตติ้งได้มันเลยเพิ่มความเกาะแทร็ค เพิ่มความนุ่มนวลในการเลี้ยว และเอียงรถได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าจะให้โหนจนเอาเข้าเช็ดพื้นเหมือนที่เราชมใน Moto America ยังต้องใช้งบในการทำช่วงล่างอีกมหาศาล เครื่องแข่งเอามาใส่รถสต็อก เอียงในความเร็วจน floorboards ติดพื้นได้นิ่ง ๆ วิ่งได้เท่านี้ก็สุดแล้ว

สรุป

แข่งรถมาก็นาน ทำรถมาก็เยอะ จากแวดวงของสปอร์ตไบค์ วันนี้ได้มาสัมผัสอีกมุมของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่ไม่ใช่บนถนนหรือทางฝุ่นแบบที่ผมคุ้นเคย แต่เป็นบนแทร็คกับตัวเครื่องยนต์ Crate Engine ของ Screamin’ Eagle® 135ci Stage IV Performance ที่ยกไปใส่ในรถสต็อกเดิม ๆ ได้เลยโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึง Racing Heritage ของ H-D ที่ไม่แพ้แบรนด์อื่นในโลกเลย ชุดเสริมสมรรถนะใน Stage ต่าง ๆ รวมถึงเครื่องยนต์ทั้งบล็อกที่ส่งตรงมาจากโรงงาน สำหรับคนที่ไม่ชอบขี่รถเดิม ๆ มันเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก เพราะถ้าติดตั้งกับดีลเลอร์ สิ่งที่คุณจะได้คือรถที่วิ่งดี แถมวารันตีไม่ขาด ที่สำคัญคือได้เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องแลกมาด้วยความแข็งแรง ทนทาน หรือ Reliability ที่ลดลงของเครื่องยนต์  ใครมีกำลังทรัพย์แค่ไหน ต้องการความแรงระดับใด ก็เลือกได้ตามความต้องการ

ส่วนทีมแข่ง นักแข่งท่านไหนที่สนใจเครื่อง Screamin’ Eagle® 135ci Stage IV Performance ก็สามารถติดต่อเข้าไปที่ Harley-Davidson of Bangkok, Thailand ได้เลย ต้องการ High Performance ขนาดไหน จูนให้ใช้กับน้ำมันออกเทนเบอร์ 100-120 หรืออะไร ทีมวิศวกรและช่างของ Power Station พระราม 9 เขาพร้อมให้คำปรึกษาด้วยความชำนาญ และมาตารฐานที่ผ่านการอบรมมาจาก H-D ใหญ่

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือนัดทดลองขับขี่ได้ทุกวัน

Inbox: m.me/HDBKK

Line: https://shop.line.me/@hdbkk

> Tel.: 099-339-1888, 02-318-8488

  • Word/Test: Saen Boonchoeisak
  • Photo: Chaiwat Toeyhom

Related