0

Harley-Davidson Sport Glide เพื่อนคู่ใจที่ทรงพลัง!!

หลังห่างหายไปนานกว่า 20 ปี ชื่อของ Sport Glide ก็ถูกนำมาบรรจุอยู่ในไลน์อัพรถจักรยานยนต์ของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อีกครั้งในปี 2018 สองล้อเมกันที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1983 และกลับมาด้วยการเป็นหนึ่งในสมาชิกของรถตระกูล Softail ในค.ศ.นี้  จากเฟรมที่ซ่อนโช้คหลังเดี่ยวไว้ใต้เบาะซึ่งถูกนำมาใช้เป็นโครงสร้างหลัก พร้อมหน้าตาที่ดูเพรียว เรียบหรู แต่แฝงไว้ด้วยความดุดันทั้งในส่วนของสมรรถนะและดีไซน์

แม้สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นปี 2022 จะมีแค่เพียงสีใหม่ แต่รากฐานที่ฮาร์ลีย์วางไว้อย่างมั่นคงตั้งแต่ปี 2018 ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเวิร์คขนาดไหนการันตีผ่านยอดขายของ Sport Glide ที่มาไวหมดไวและเดินได้ดีสุดๆ ในทุกภูมิภาคที่วางจำหน่าย อะไรคือสิ่งที่ทำให้ครุยเซอร์รุ่นนี้ได้รับความนิยมนัก วันนี้เราขับขี่จากกรุงเทพมุ่งสู่ปราณบุรีเพื่อไปหาคำตอบกัน…

เสน่ห์ของ Sport Glide คงหนีไม่พ้นบุคลิกภาพเฉพาะตัวที่สามารถตอบโจทย์ และให้อารมณ์การขับขี่ได้หลากหลาย เพราะฮาร์ลีย์จับเอาจุดเด่นของรถในแต่ละไลน์อัพมาหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน จากการนำเฟรมและระบบกันสะเทือนของรถในตระกูล Softail ที่มอบความมั่นคง คล่องตัว มาผสานกับแฟร์ริ่งหน้าทรงปีกค้างคาว Batwing fairing) ที่ครอบไฟหน้ากลมไว้ พร้อมกล่องข้าง Hard panniers ซึ่งติดตั้งมาให้จากโรงงาน ทั้งสองอย่างนี้สามารถถอดออกได้ Sport Glide จึงเป็นได้ทั้งรถทัวร์ริ่งสำหรับขับขี่ทางไกล เป็นครุยเซอร์ทรงเก๋า เท่ห์ ๆ สไตล์โก๋เมกันและเป็นฮาร์ลีย์ที่สามารถใช้ขับขี่ได้ในทุกวัน

ถึงรูปร่างการออกแบบและสัดส่วนที่ดูเตี้ย ดุดัน จะบ่งบอกว่าตัวรถนั้นไม่สามารถเอียงได้มากเวลาเข้าโค้ง แต่สิ่งที่ทดแทนเข้ามาคือความนิ่งเสถียร ไม่กระพือและไม่แกว่งบนทางตรง เสียงการทำงานของเครื่องยนต์เองก็ไม่ได้ “หอบ” เหมือนที่ผ่านมา แต่มันกลับเดินเรียบ แถมให้อัตราเร่งที่ค่อนข้างจัดจ้าน เรียกว่ามาแบบดุๆ กดคันเร่ง ม้าก็กระโจนลงล้อหลังในทันที สมกับที่มีคำว่าสปอร์ตอยู่ในชื่อ

ความยาวของดีไซน์ ทำให้ต้องงอหลังลงมากกว่าปกติเล็กน้อย เมื่อนั่งเต็ม ๆ แบบก้นชนพนักพิงเบาะ แต่วิศวกรก็คำนึงถึงตรงจุดนี้ด้วยการใส่แฮนด์เดิ้ลบาร์ที่ทั้งยาวและกว้างเข้ามา ทำให้ช่วงแขนจากหัวไหล่ ข้อศอก ไปจนถึงข้อมือรู้สึกยืดหยุ่น ไม่เกร็ง รถเลยเกิดความคล่องตัวในมุมเลี้ยว ลัดเลาะผ่านการจราจรที่ไม่หนาแน่นนักได้ง่าย และบังคับให้ตัวผู้ขี่ก้มนิดๆ เพื่อหลบอากาศที่เข้ามาปะทะบนทางตรง

การวางเท้าบนพักเท้าแบบ Forward รู้สึกช่วงขายืดได้อิสระ ปลายเท้าวางบนขาเบรกและขาเกียร์ได้ค่อนข้างสบาย จะว่าไปแล้ว Riding Position ถ้าเทียบกับ Sportster S มันมีความใกล้เคียงกันมาก เพียงแต่ Sport Glide เตี้ยและงอหลัง โน้มตัวไปด้านหน้ามากกว่า เลยขี่สบายกว่ากันอยู่เล็กน้อย การบังคับรถสวิงซ้าย-ขวา ก็ค่อนข้างให้ฟีลลิ่งที่ละม้ายคล้ายคลึงกันเพราะใช้ยางไซส์เล็ก รถเลยสวิงเปลี่ยนทิศทางได้ง่าย

ขับขี่ทางไกล เหยียดขาแบบนี้ก็ได้ เก๋า ๆ กดสบายแบบยาวไป


เครื่อง Milwaukee-Eight 107 (1,745 ซีซี) บล็อกนี้ตอบสนองอัตราเร่งได้ดีและเร็วในรอบต้น จากการส่งกำลังของเครื่องยนต์ที่ผสานกับอัตราทดเกียร์ได้อย่างลงตัว อัตราทดเกียร์ 1 ให้มาค่อนข้างสั้นและทำงานชิด ต่อเนื่องไล่ไปยังเกียร์ 2-6 ที่สูงขึ้น รับกับรอบเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว จากรอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที กดก็มาทันที ซึ่งเกียร์จะเริ่มยาวขึ้นหลังจากผ่านเกียร์ 4 ไปแล้ว เพราะฉะนั้นการขี่ในรอบต่ำระดับ 1,500-1,700 รอบ/นาที ควรใช้เกียร์ 2 เพราะสามารถเร่งได้ถึง 2,000 รอบ โดยที่กำลังมาแบบสมูท ไม่กระชาก จึงเหมาะกับการใช้งานในความเร็วต่ำ ๆ ผ่านการจราจรในเมือง

ผมบิดคันเร่งมุ่งตรงสู่ถนนเมนหลัก สายเพชรเกษมที่ทอดตัวยาวลงใต้ เราแวะหา เสี่ยไมค์ พลภัทร เวลส์ช แขกรับเชิญสำหรับทริปนี้ ที่บ้านพี่ไมค์ รีสอร์ท ปราณบุรี ก่อนจะพากันขับขี่ไปสัมผัสเส้นทางสวยๆ ของปากน้ำปราณขึ้นเขาเสียดโค้งไปถึงสามร้อยยอดกันเลย

โค้งหลายโค้งเหมาะกับการใช้ความเร็วและออกแบบมาให้มีแบงค์รับกับมุมเลี้ยวไม่ว่ารถจะสูงหรือเตี้ยก็สามารถเลี้ยวได้ดี ดังนั้นมันจึงสามารถบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับตัวรถ  เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 นั้นนอกจากมีอัตราเร่งต้นที่ดีแล้ว ยังบิดสนุก  กำลังที่ถูกส่งออกจากห้องเผาไหม้ที่ใช้โปรไฟล์กระบอกสูบช่วงชัก 100.0 x 111.1 มม. 1,745 ซีซี โอเวอร์สแควร์ สี่วาล์ว/สูบ จากการหมุนของข้อเหวี่ยงด้วยระบบก้านกระทุ้งหรือ Push rod ตรงสู่เฟืองแคมชาร์ฟ พร้อมการจ่ายน้ำมันของระบบหัวฉีด ผ่านเรือนลิ้นเร่งขนาด 54 มม. มันทรงพลังแบบเหลือ ๆ

ด้วยความที่ต้องการให้มันมีความสปอร์ตอยู่ในร่างของ H-D หลายช่วงอาจต้องให้ความสำคัญกับการใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์บ้าง หากต้องการสัมผัสจัดจ้านกันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ถ้าพูดถึงการขับขี่ชิล ๆ วิ่งขึ้นเนินสบาย ๆ ในเกียร์สูง หากรอบที่ใช้มาอยู่ซัก 2,000 รอบ/นาที ก็สามารถเร่งขึ้นไปได้เลยไม่ต้องกังวล อัตราส่วน primary drive ratio ที่ให้มา 34/46 ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกำลังงานลงสู้ล้อหลัง เข้ากับตัวรถที่มีน้ำหนักรวม 317 กก. เพราะสามารถดึงกำลังขึ้นมาได้เร็ว แมทซ์กับเกียร์แต่ละเกียร์ที่รับกันดี

ในมุมเลี้ยวซึ่งหลายคนค่อนข้างกังวลว่าองศาคออาจส่งผลต่อการเลี้ยวในมุมแคบรึเปล่า เพราะกำหนดมาให้มุมเรคอยู่ที่ 30° ส่วนความลาดเอียงกันสะเทือนหน้า (Trail) 150 มม. อาจพาลให้คิดว่าเลี้ยวยากไหม แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย เพราะรถหน้าไม่หนัก เลี้ยวก็ไม่ยาก และไม่กินแรง ถ้าเราทราบอยู่แล้วว่ารถมีระยะฐานล้อค่อนข้างยาว (1,625 มม.) หากต้องการเลี้ยวในมุมแคบ ๆ ก็แค่ทำมุมให้กว้างก่อนเข้าโค้ง หรือเอนตัวทิ้งน้ำหนักตรงข้ามมุมเลี้ยว เท่านี้ก็สามารถเข้าได้สบาย ๆ

แน่นอนว่าเมื่อรถมีน้ำหนักมากกว่า 300 กก. อีกจุดหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญคงหนีไม่พ้นในส่วนของระบบกันสะเทือน เพราะส่งผลต่อความเสถียร การส่งผ่านแรงม้าสู่ล้อหลัง อัตราสิ้นเปลืองยางทั้งหน้า-หลัง และการเข้าโค้งของรถโดยตรง

โช้คหน้าหัวกลับขนาด 43 มม. ตัวนี้แบบระบบ Single cartridge แบบที่เราเห็นในรถสปอร์ตเลย แถมสปริงยังเป็นแบบ triple rate ซึ่งมีความนุ่มนวลในช่วงแรกของสโตรค เมื่อเวลารถวิ่งช้า ๆ ผ่านหลุมหรือทางที่ไม่เรียบ แต่เมื่อใช้ความเร็วก็ยังสามารถการรับน้ำหนักกดจากการใช้เบรกหน้าหนัก ๆ พร้อมกระจายแรงกระแทกได้โดยไม่ยุบจนสุดช่วงเพราะมีการส่งผ่านไปยัง rate ที่แข็งกว่า มันทำงานสอดรับกับโช้คหลัง free piston ที่สามารถปรับ Preload ได้กลมกล่อมดีเช่นเดียวกับรถในตระกูลนี้ของฮาร์ลีย์ทุกรุ่น จึงไม่เป็นภาระแถมเพิ่มความเกาะถนนให้กับยางหน้า 130/70 B18 และหลัง 180/70 B16 ที่รัดมา จนสัมผัสได้ถึงความมั่นคงเมื่อขับขี่ใช้งาน

สรุปปิดท้าย

สำหรับผม Sport Glide ให้ความรู้สึกแตกต่างจากรถที่ใช้เครื่องยนต์แบบ Pre-unit Construction ของฮาร์ลีย์ รุ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะจากท่าทางขับขี่ที่ค่อนข้างโฟกัส โน้มตัวไปด้านหน้า แต่ก็ยังงอหลังได้นิด ๆ เพื่อให้การขับขี่ทางไกลมีความสบาย และหลบอากาศเล็กน้อย แม้แฟร์ริ่งหน้าแบบ Clip-on ที่ให้มาจะไม่สามารถตัดอากาศได้หมดจดแบบบังมิด แต่มันก็ช่วยได้มาก และที่สำคัญคือใส่ก็เท่ห์ ถอดก็เท่ห์ คือมันเป็นรถที่ให้ได้หลายอารมณ์ วันไหนนึกอยากขี่ทางไกลก็ใส่แฟร์ริ่งใส่กล่อง วันไหนจะไปขี่ในเมือง ถอดกล่อง ถอดแฟร์ริ่งก็ดูเท่ห์ไปอีกแบบ อยากคัสตอมแต่งแต้มให้เข้ากับเรายังไง ของแต่งก็มีมากมาย ที่สำคัญคือเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 มันมีความติดมือ ทรงพลัง และขี่ง่ายเรียกว่าเป็นรถจาก H-D ที่มีความ User-Friendly อีกหนึ่งรุ่นก็คงไม่ผิด อยากเห็นตัวจริง อยากลองขี่ ไปสัมผัสตัวจริงกันได้แล้ววันนี้ที่ H-D of Bangkok Thailand/Power station RAMA9 ครับ

  • Word/Test: Saen Boonchoeisak
  • 📷: ชัยวัฒน์ เตยหอม

ขอบคุณแขกรับเชิญ: ไมค์ พลภัทร เวลส์ช

Related