0

Honda ADV150 ออโตเมติกที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายที่สุดในคลาส

นอกจากเรื่องความสะดวกคล่องตัวต่อการใช้งานในเมือง มีอัตราประหยัดน้ำมันที่ดี ทนทานและดูแลรักษาง่ายแบบที่ผู้ใช้แทบไม่ต้องทำอะไรมาก แค่สตาร์ทเครื่องก็บิดได้ยาวไปถึงไหนถึงกัน ซึ่งถือเป็นข้อดีของรถสกู๊ตเตอร์แล้ว สิ่งที่ฮอนด้าเพิ่มเข้ามาใน 2021 ADV 150 คือคอนเซ็ปท์ของการเป็น “SUV BIKE” ที่มีสาระสำคัญหลัก ๆ ของความเป็น “Sport Utility Vehicle” หากอิงตามนิยามของโลกสี่ล้อที่เป็นต้นฉบับ คือความอเนกประสงค์ รองรับการใช้สอยได้หลากหลายและมีสมรรถนะแบบสปอร์ตอยู่ในตัวประมาณหนึ่ง รถจำพวกนี้จึงมาพร้อมความสมบุกสมบัน ลุยได้มากกว่ารถทั่วไป บรรทุกสัมภาระได้เยอะกว่า มีเทคโนโลยีล้ำสมัยรวมไปถึงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน

ซึ่ง Fast bikes Thailand ของเราเคยนำ Honda ADV 150 มารีวิวและทดสอบสมรรถนะกันไปแล้วตั้งแต่ตอนเปิดตัวออกมาใหม่ๆ และผมเองก็รู้สึกชอบใจในสิ่งที่ฮอนด้าเพิ่มเข้ามา นั่นคือคุณสมบัติที่สามารถรองรับการขี่ลุยในเส้นทางที่ไม่ทุรกันดารมากได้อย่างสนุกของรถรุ่นนี้ เมื่อทราบข่าวการกลับมาระบาดของโควิด 19  เราจึงตัดสินใจแพลนวันเดย์ทริปสั้นๆ ระยะทางไปกลับไม่เกิน 200 กิโลขี่กันแบบเซฟๆ ก่อนต่างคนจะเก็บตัวอยู่กับบ้าน โดยจุดหมายปลายทางคือ “ไร่ลึกลับ” ณ ชายป่าแห่งหนึ่งของ จ.นครนายก ด้วยความที่ต้องขี่รถลุยเข้าไปในไร่ และต้องฝ่าการจราจรในเมืองที่ค่อนข้างคับคั่งออกไปกว่าจะถึงจุดนั้น ADV150 จึงดูจะเป็นรถที่เหมาะมากที่สุดกับทริปขี่รถสั้น ๆ บิดยาวและลงไปลุยพอมันส์แบบไปเช้าเย็นกลับในครั้งนี้

มองเห็นไหมครับว่า ADV150 คันไหน?


เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เส้นทางกทม.-รังสิต-นครนายก ด้วยความหวังที่จะได้ไปนั่ง ดริปกาแฟกินกันริมน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศป่าเขาดื่มด่ำกับโอโซนกันแบบเต็มปอด  สำหรับการขับขี่ผ่านการจราจรในเมืองแบบที่รถติดยาวสุดลูกหูลูกตา Honda ADV150 ทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการขี่ลัดเลาะหรือมุดฝ่าช่องทางวิ่งที่ห่างกันแค่เพียงกระจกมองของรถยนต์ ด้วยแฮนด์แบบแทปเปอร์บาร์ที่กำหนดท่านั่งให้ค่อนข้างหลังตรงและที่สำคัญคือ ช่วงของแฮนด์นั้นไม่ได้กว้างกว่าหัวไหล่ จึงสามารถบังคับรถผ่านช่องทางที่จำกัดได้อย่างสบาย แถมยังสวิงซ้าย-ขวาได้พลิ้วอีกด้วย จากการกำหนดองศาคอมา (Rake) 26° และความลาดเอียงของกันสะเทือนหน้า (Trail) 87 มม. ทำให้รถเสถียร เลี้ยวง่าย และหน้าไม่ลื่นไถลเมื่อเลี้ยวในมุมแคบเพราะล้อหน้านั้นเป็นขอบ 14 นิ้ว ส่วนล้อหลังเป็นขอบ 13 นิ้ว

เลี้ยวซอกแซกเข้าไปตามตนอกซอกซอยแวะเก็บภาพสวย ๆ กันซะหน่อย


ซึ่งรถล้อเล็กและระยะฐานล้อสั้นแค่เพียง 1,323 มม. นั้นหน้าไวอยู่แล้วจึงจำเป็นที่ต้องให้องศาคอกว้างเป็นพิเศษ มันทำงานผสานกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิค ที่ค่อนข้างแข็งเพื่อรองรับน้ำหนักของผู้ขับขี่, สัมภาระ รวมถึงน้ำหนักกดจากการใช้เบรกหน้าหนักๆ ได้อย่างสบายในมุมเลี้ยวแคบ (ไม่ทำให้หน้าจมลึก) ป้องกันการเสียการควบคุมได้อย่างมั่นใจ

เรามุ่งหน้าสู่นครนายก ลัดเลาะผ่านการจราจรและขี่ไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วแบบหวานเย็น เมื่อแวะเติมน้ำมันครั้งแรกหลังหลุดออกจากเมืองมาพักใหญ่ ก็พบว่าอัตราสิ้นเปลืองนั้นอยู่ที่ 50 กม./ลิตร ด้วยความเร็วที่ใช้กันมาประมาณ 60-80 กม./ชม. หรือประมาณ 8,000-9,000รอบ/นาที เมื่อออกมาถนนโล่งและเริ่มใช้ความเร็วสูงขึ้นเป็น 100-115 กม./ชม. ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่โชว์อยู่บนเรือนไมล์จึงค่อย ๆ ลดลงเหลือ 48 กม/ลิตร ซึ่งยังถือว่าดีทีเดียว อัตราเร่งรอบต้นที่เริ่มจาก 1,300 รอบ/นาที มีความติดมือ และรับกับกำลังในรอบกลางช่วง 3,500-4,000 รอบ/นาที ได้ลงตัวเลย รถมีกำลังและขี่สบาย ยาวไปจนถึงช่วง 9,500 – 10,000 รอบ/นาที โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือประมาณ 115 กม./ชม. ซึ่งสำหรับรถขนาด 150 ซีซี แล้ว ใช้ขี่เที่ยว ขี่ไปทำงาน มันค่อนข้างครอบคลุม

ยางหน้าไซส์ 110/80-14 และยางหลัง 130/70-13 ที่แก้มยางมีความยืดหยุ่น มีส่วนในการช่วยกระจายแรงกระแทกและทำให้รถมีความเกาะถนนในมุมเลี้ยว โช้คหลังคู่ที่วางอยู่บนสวิงอาร์มโดยมีจุดศูนย์กลางของล้อหลังข้างซ้ายเป็นกล่องกรองอากาศและครอบสายพาน ส่วนด้านขวาเป็นแขนของสวิงอาร์มที่เพลายึดเปลี่ยนไปใช้เป็นแบบลูกปืนทำงานอย่างแม่นยำ ทำให้เซ็นเตอร์ของรถเกิดสมดุลที่มั่นคง ขณะที่ตัวโช้คหลังเองรองรับน้ำหนักเมื่อเร่งความเร็วในช่วงที่รถกำลังจะตั้งลำได้โอเคมาก

เครื่องยนต์ eSP (Enhance Smart Power) เป็นเครื่องยุคใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่มีความอเนกประสงค์ ประหยัดน้ำมัน มีอัตราเร่งและกำลังงานให้เรียกใช้งานตามต้องการในแต่ละลักษณะของการขับขี่ที่เน้นแรงบิดเครื่องยนต์รอบต้นและรอบกลางสำหรับการใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ซึ่งต้องใช้กำลังของเครื่องยนต์รอบต่ำมากเป็นพิเศษ การทำให้รอบต้นมาเร็ว โดยพาน้ำหนักรวมเคลื่อนตัวออกจากจุดหยุดนิ่งจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ใช้ทะยานไปด้านหน้าได้เร็วแล้ว มันยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันและไม่เสียกำลังงาน เพราะเครื่องยนต์ไม่รอรอบ เมื่อรถมีกำลังการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าจึงไม่ต้องเร่งมากนัก ซึ่งจุดนี้สำคัญเพราะถ้าเราเร่งเครื่องยนต์มากก็กินกำลังงานและกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากตามไปด้วย ดังนั้นเมื่อรถไม่รอรอบ ออกตัวเร็ว มันก็จะรับกับความเร็วของรอบกลางได้อย่างเหมาะสม

เครื่องบล็อกนี้เป็นเครื่องสูบเดี่ยว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ 149.32 ซีซี SOHC สองวาล์ว/สูบ ซึ่งมีมิติกระบอกสูบ x ช่วงชักแบบ Square คือ 57.3 x 57.9 มม. กำลังอัด 10.6:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI เรือนลิ้นเร่งขนาด 26 มม. ขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน V-belt ใช้คลัตช์แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง (centrifugal clutch) ทำงานผสานกับข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบาที่พัฒนาให้ด้านซ้ายใช้ลูกปืนแบบตลับ (cartridge bearing) ที่แข็งแรง,ทนทาน,หมุนลื่น และไม่กินแรงเครื่องยนต์มันจึงตอบรับอัตราเร่ง รวมถึงตอบรับการหมุนของ Alternator start โดยไม่ทำให้กระแสไฟจุดระเบิดจากการประมวนผลของเซนเซอร์ที่แม่เหล็กทำงานผิดพลาด คือมีความแม่นยำนั่นเอง

สำหรับการใช้ความเร็วสูงยิงยาว ด้วยความที่องศาคอนั้นให้มากว้างตามระยะที่กล่าวไปข้างต้น ตัวรถจึงมีความเกาะถนน และมั่นคง ไม่ว่าจะตกหลุม วิ่งรูดพื้นต่างระดับ หรือแม้กระทั่งถูกรถใหญ่แซงผ่านไปด้วยความเร็ว ADV150 ก็ยังไม่มีอาการแกว่งและหน้าสะบัดให้ตกอกตกใจ (เพราะผมหลบวิ่งด้านซ้าย ไหล่ทางอย่างเดียว!) ไม่ใช่ครับก็วิ่งปกตินั่นแหละ แถมจังหวะอยากแซงก็เร่งได้เลยถ้ามีรอบอยู่ในมือแบบไม่ต้องมานั่งลุ้น โดยมีชิลด์หน้าสูงที่สามารถปรับระดับได้คอยบังลมให้กับการบิดยาวๆ สามารถทำได้แบบสบายเลย

หมดถนนดำ ก็ไปต่อได้

พาวเวอร์สไลด์เอาฤกษ์เอาชัยซักหน่อย


เมื่อมาถึงจุดหมาย ซึ่งเส้นทางนั้นเป็นดินและเริ่มมีขึ้นทางลาดชันในบางช่วง เครื่อง eSP ที่ให้แรงบิดดีในช่วงรอบต้น ๆ สามารถดันเนินขึ้นไปได้แบบสบาย ยิ่งถ้าไม่ใช้ความเร็วสูงและขี่อยู่ในย่านรอบต่ำเป็นหลักจะรู้สึกเหมือนมีเอนจิ้นเบรกเล็ก ๆ มาฉุดเครื่องให้รู้สึกนิด ๆ ตอนยกคันเร่ง แต่ที่ชอบใจคือเครื่องยนต์นั้นไม่เครียด รัศมีอัตราทดเกียร์มาต่อเนื่องและรับกันดีไม่กระตุก ชุดคลัตช์แรงเหวี่ยงก็ทำงานดีจนรู้สึกได้ เครื่องเผาไหม้ส่งพลังได้ดีเพราะห้องกรองอากาศใหญ่ แถมลุยน้ำได้ (ถ้าไม่ลึกมาก) เครื่องก็ไม่ดับเพราะท่อไอเสียยกสูง

เมื่ออยากให้ทางเดิมไม่เหมือนเดิมเราก็ต้องหักเข้าป่า ยาง Dual purpose ที่ให้มาจะทำงานได้ดีขนาดไหน? แม้พื้นลูกรังจะลื่นพอควร แต่กันสะเทือนกับยางก็ยังทำงานผสานกับอัตราเร่งรอบต่ำ-กลางได้ดีในทางลักษณะนี้ อาจจะรู้สึกกระด้างเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจได้ว่ารถนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับการขับขี่สไตล์นี้ด้วย กับน้ำหนักที่แจกแจงมาหน้า 40% หลัง 60% แบบเดียวกับรถทางฝุ่น โดยวางน้ำหนักรวมตกจุดศูนย์ถ่วงมาได้ดีเพราะวางองศาของกระบอกสูบมาทำมุม 45° เมื่อค่า CG ไม่สูงมากรถเลยไม่แกว่งเวลาเหินเนินเบา ๆ หรือลุยลงไปในทางขรุขระ

จะเจอกวางน้อยบ้างไหมนะ?


 ในการไต่ขึ้นทางหินก้อน หากเลี้ยงรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในย่านแรงบิดดี ๆ ไม่เกิน 1,700-2,000 รอบ/นาที สามารถเร่งเครื่องยนต์ได้อย่างต่อเนี่อง เพราะช่วงชัก 57.9 มม. เป็นช่วงที่ให้แรงบิดดีที่สุดอยู่แล้วสำหรับรถสกู๊ตเตอร์ขนาดความจุกระบอกสูบ 150 ซีซี อย่างหนึ่งที่ถูกใจคือระบบเบรกหน้าที่ให้มาเป็น ABS แต่เบรกหลังอิสระ เบรกหน้านั้นถึงพื้นจะเป็นลูกรังลื่นแต่ก็สามารถกำหนัก ๆ ได้เลยไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะพับ หรือถ้าจะใช้เบรกหลังก็ใช้นิ้วเกี่ยวได้ตามต้องการหากต้องการสไลด์โดยที่รถไม่เอียงพับเข้าด้านในจากเฟรมที่กระจายแรงส่งถ่ายน้ำหนักได้ค่อนข้างดี (แต่ก็ลุยและเล่นได้แบบมีลิมิตนะ) ถ้าสงสัยว่าเล่นได้หนักประมาณไหนก็ดูเอาจากภาพแล้วกันครับ เกินกว่านี้คงต้องไปซื้อรถทางฝุ่นมาขี่แล้วนะพ่อคุณ!

บทสรุป Honda ADV150 สำหรับผม เป็นรถออโตเมติกที่มีความอเนกประสงค์สมกับชื่อ SUV ที่ให้มา 98,500 บาท อาจเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถออโตเมติกพิกัดเดียวกัน แต่สิ่งที่คุณจะได้คืออรรถรสการขับขี่ใช้งานที่มีความหลากหลาย ไม่ซ้ำซาก ตามสโลแกนให้ทางเดิมไม่เหมือนเดิม ไม่ได้ขี่หลง! แต่เป็นเพราะมันเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้ได้เมื่อถนนดำหมด ชุดพลาสติกที่ให้มาอาจจะแลแกะยาก แต่ก็เนียน แน่น และแข็งแรง รวมถึงกิมมิค ลูกเล่น และงานประกอบต่าง ๆ ผมว่ามันมีความพรีเมียมสมราคา ขี่ดี ประหยัดจริง การันตีโดยน้องทีมงานของเราที่ซื้อมาใช้เองแล้ว เอาเป็นว่า ถ้ากำลังมองหารถออโตเมติกฟีลใหม่ ๆ แนะนำให้ไปลองที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน… แล้วคุณจะติดใจครับ

นั่งบดมาชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่ได้กินเลยครับ


Word/Test: Sean Boonchoeisak

Pic: เฉาก๊วย จำนาญศิลป์

Related