0

TEST RIDE: All new Honda Click 160

นอกจากปัจจัย 4 อย่าง อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรคแล้ว รถจักรยานยนต์ได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ 6 ต่อจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสำหรับใครหลายคนในยุคนี้ ยานพาหนะที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ และคลาคล่ำอยู่เต็มท้องถนนทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน จากความสะดวกคล่องตัวในการขับขี่ ความสามารถในการลัดเลาะผ่านการจราจร การมีราคาค่าตัวที่จับต้องได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและอัตราสิ้นเปลืองน้อย ซึ่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงค่อนข้างมากในช่วงเวลาที่น้ำมันแพงเช่นนี้

ท่ามกลางสองล้อที่มีให้เลือกมากมายหลายไซส์หลายขนาด รถเล็กโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ออโตเมติก คือประเภทที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฮอนด้าได้กลายมาเป็นผู้นำตลาดในเซกเมนต์นี้ ด้วยยอดจำหน่ายที่นำหน้าแบรนด์อื่นอยู่หลายช่วงตัว จากรถอย่าง PCX, ADV, Scoopy ฯลฯ รวมไปถึง All new Honda Click 160 คันนี้ ที่เปิดตัวมาพร้อมสโลแกน “นำหน้าอย่างจ่าฝูง” สปอร์ต เอ.ที. ที่ได้รับความนิยมนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2549 จนออกมาเป็นเจนนี้ ที่ได้รับการพัฒนาทั้งด้านการออกแบบ เทคโนโลยี เครื่องยนต์และสเปก สมกับคำว่า All New ที่มาแบบใหม่ทั้งหมด

เมื่อรถมาถึงมือ Small Bike ของเราเลยอยากนำ All new Honda Click 160 ไปทดสอบขับขี่ในเส้นทางไม่ใกล้ไม่ไกล อย่างกรุงเทพ-นครปฐม กับทริปบิดสบายๆ พร้อมชมบรรยากาศในช่วงเช้าของตลาดบางหลวง รศ.122 สัมผัสกลิ่นอายความเป็นชุมชนตลาดริมน้ำไทย-จีน 100 ปี ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชนในอดีตผ่าน “บ้านเก่าเหล่าเต็งไม้” จากรุ่นสู่รุ่นคล้ายกันกับรถจักรยานยนต์เกือบทุกรุ่นของฮอนด้า…

รายละเอียด

เห็นครั้งแรกก็ต้องยอมรับว่ามันดูสวยขึ้นมากทีเดียว โดยเฉพาะสีดำกับขาวสองคันนี้ซึ่งเป็นรุ่น ABS ที่มาพร้อมวงล้อและโลโก้ Click สีทอง ทำให้ตัวรถดูพรีเมียมขึ้นมาก กับขนาดที่ดูใหญ่ขึ้น หล่อขึ้น และเร็วขึ้นกว่าที่ผมเคยจำได้ แน่นอน..สิ่งที่ Click มุ่งเน้นยังคงเป็นการจับความสปอร์ตใส่เข้ามาไว้ในรถออโตเมติก เอ.ที. น้ำหนักเบา คล่องตัวด้วยมุมเลี้ยวที่กระชับฉับไว เพิ่มความทันสมัยและเน้นความปลอดภัยในการหยุดความเร็วด้วยระบบเบรก ABS และดิสก์เบรกหน้า-หลัง ซึ่งทั้งหมดนี้มาในราคา 69,900 บาท สำหรับรุ่น ABS และ 63,500 ในรุ่นสแตนดาร์ด

นอกจากแฟริ่งที่ดูโฉบเฉี่ยว คมเข้ม และถูกออกแบบมาอย่างมีนัยยะแล้ว (มีประโยชน์ยังไงเราจะไปพูดถึงกันทีหลัง) ฮอนด้ายังเลือกใส่ความทันสมัยและอเนกประสงค์ด้านการใช้งานเข้าไปผ่าน ระบบไฟซึ่งเป็น LED รอบคัน ช่องจ่ายไฟสำรอง Type A ที่ซ่อนอยู่ในคอนโซลหน้า ช่องเก็บของใต้เบาะความจุ 18 ลิตร เรือนไมล์ Full Digital กุญแจซึ่งเป็นรีโมท เหล่านี้คือความแตกต่างที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หัวใจสำคัญขุมพลัง eSP+

ส่วนเทคโนโลยีใหม่ที่ซ่อนอยู่ภายในคงหนีไม่พ้น เครื่องยนต์ eSP+ 157 ซีซี 4 วาล์ว ซึ่งใช้ร่วมกับ PCX 160 แต่คราวนี้มาอยู่ใน Click ที่เบาและเปรียวกว่า ขุมพลัง SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด PGM-Fi มิติกระบอกสูบ x ช่วงชัก 60.0 x 55.5 มม. (Over Square) กำลังอัด 12:1 ให้กำลังสูงสุด 15.1 hp ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.4 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที ระบบเกียร์ออโต ใช้คลัทช์แรงเหวี่ยงแบบแห้งอัตโนมัติ (Automatic, Centrifugal, Dry Type) ส่งน้ำมันเครื่องสู่ชุดฝาสูบและข้อเหวี่ยงด้วยระบบอ่างน้ำมันเครื่องแบบ Wet sum ใช้น้ำมันเครื่องยนต์ 0.8 ลิตร

ภายในตัวเครื่องลูกสูบยังเคลือบสารลดแรงเสียดทาน พร้อมชุดแหวนลูกสูบสมรรถนะสูงควบคุมกำลังอัด แหวนกวาดกระบอกสูบสะอาด แข็งแรง ทนทาน พร้อมให้อัตราเร่งอย่างรวดเร็วผสานการทำงานกับ Piston Oil Jet ระบบฉีดน้ำมันหล่อลื่นบริเวณใต้ลูกสูบ และปั๊มน้ำมันเครื่องแบบ 2 ห้อง เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์อย่างหมดจด โซ่ราวลิ้นใหม่เสียงเงียบพร้อมตัวดันโซ่ ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยระบบสายพาน V-Matic ที่ผสานการทำงานกับเฟืองอัตราทดขยายรัศมีตามรอบเครื่องยนต์ด้วยชามคลัตช์ (Pulley) ส่งผ่านกำลังสู่เฟืองท้ายที่แข็งแรงทนทานอย่างแม่นยำ อีกจุดที่สำคัญคือ ห้องกรองอากาศจะเห็นได้ว่า ช่องทางแอร์เวย์เข้าห้องกรองอากาศนั้นกว้างกว่าที่ผ่านมาเพื่อให้อากาศไหลเข้าห้องเผาไหม้ได้มากขึ้นเร็วขึ้น โดยใช้ไส้กรองอากาศแบบใหม่ที่สามารถกระจายความชื้นที่เข้ามา สลายเป็นไอโดยไม่ทำให้เกิดการจับตัวเป็นที่แผ่นกรองอากาศ พร้อมกระจายสู่ช่องทางทิ้งอย่างรวดเร็ว

เริ่มออกเดินทาง

เราออกเดินทางกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเพื่อไปให้ทันชมบรรยากาศในช่วงเช้าของตลาดบางหลวง ขึ้นคร่อมครั้งแรกรู้สึกช่วงขาต้องกางกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยเวลาขี่เพราะชุดพลาสติกนั้นใหญ่และกว้างขึ้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไร เท้าวางได้สบายกว่าเดิมเพราะไม่ต้องงอขามาก ช่วงคอนโซลแลแคบลงเล็กน้อย ท่าขี่ที่ถูกต้องจึงเป็นการวางเท้าไว้บนยางรองพื้น ไม่ใช่ยื่นเท้าไปยันคอนโซล เพราะช่วยให้ควบคุมรถได้ถนัดกว่า หัวเข่าหนีบที่หัวเบาะได้มากยิ่งขึ้น ตัวเบาะมีสเต็ปแบ่งชัดเจนระหว่างคนขี่กับคนซ้อน จึงช่วยล็อคตัวผู้ขี่ได้ดี ไม่ต้องกลัวคนซ้อนไหลมาดันเวลาใช้เบรกหน้าหนัก ๆ ทำให้ตำแหน่งตกจุดศูนย์ถ่วง และให้น้ำหนักกดเวลารถเคลื่อนตัวเพื่อเพิ่มความเกาะถนน

จากเดิมที่เป็น Click 150i พอตอนนี้เปลี่ยนมาใช้เครื่อง eSP+ ระดับ 160 ซีซี มันรู้สึกได้ตั้งแต่ตอนออกตัว รถเคลื่อนตัวออกจากจุดหยุดนิ่งได้ง่าย ไม่ต้องใช้คันเร่งเยอะ ไม่ต้องเร่งน้ำมันเชื้อเพลิงมาก เรียกว่าผ่านจุดกินน้ำมันได้แบบสบาย ๆ  เครื่องบล็อกนี้ให้มาแบบ ลูกโต ช่วงชักสั้น เลยให้อัตราเร่งเร็วจากรอบเครื่องยนต์ต่ำสุด 1,500 รอบ/นาที และสามารถพุ่งทะยานขึ้นมาที่รอบกลาง 4,500-5,000 รอบ/นาทีได้เร็วทีเดียว จุดนี้นอกจากกำลังเครื่องยนต์ที่ติดมือดีมากแล้ว คงต้องบอกว่าระบบการส่งกำลังสู่ล้อหลังโดยผ่านชุดชามคลัตช์, ชุด Pulley และชุดเฟืองท้ายที่นั้นมีความแม่นยำสูงมาก ถ้าให้เปรียบเทียบกับรถออโตเมติกเครื่องยนต์ใหญ่ คงต้องเปรียบกับ Honda NC 750X เพราะมันให้ฟิลลิ่งคล้ายกันมาก คือรอบเครื่องขึ้นเกียร์เปลี่ยนสูงขึ้น รอบต่ำเกียร์ลดต่ำ แม่นยำ ฉับไว

สำหรับการเดินทางออกจากกรุงเทพในช่วงเช้าตรู่ ด้วยความเป็นรถเล็ก เรื่องความคล่องตัวนั้นเชื่อขนมกินได้อยู่แล้ว แต่อย่างหนึ่งที่เสริมให้ Click 160 รู้สึกขี่ได้ดีขึ้นไปอีกคือเฟรม eSAF (Enhanced Smart Architecture Frame) จะเห็นว่าเฟรมใหม่ตัวนี้ปรับองศาคอ (Rake) และมุมความลาดเอียงของกันสะเทือนหน้า (Trail) ตั้งมากขึ้น ออกแบบให้ล้อหน้าชิดเข้ามาใกล้ตัวรถมากกว่าเดิม เพื่อเปิดทางให้อากาศตรงสู่ห้องระบายอากาศเข้าเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังทำให้โช้คหน้าหนืดขึ้นเมื่อต้องคืนตัวจากจุดต่ำสุด เช่นเดียวกันโช้ค หลังที่ตั้งชันมากกว่าเดิมยังสามารถรองรับน้ำหนักได้ดีและหนืดเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้มุมเลี้ยวรวดเร็ว, ฉับไว รถเลี้ยวในมุมแคบพร้อมการสวิงซ้าย-ขวาได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น การหักแฮนด์ก็เบามือมากขึ้น

ไฟหน้า LED ใหม่ ถูกปีกของชุดพลาสติกโอบไว้ทั้งสองข้าง ช่วยจัดสโคปความกว้างของแสงให้เป็นเส้นตรง แคบลง ส่องไกลและมองเห็นได้ชัดเจน ช่วงเวลาที่ไฟทางยังสลัว พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นแบบนี้มองเห็นได้ชัดเจน ในส่วนของระบบกันสะเทือน เมื่อวิ่งผ่านฝาท่อ ถนนในเลนซ้ายสุดที่ผิวทางชำรุดบางจุดใน กทม. โช้ค หน้า เทเลสโกปิคและโช้คหลังเดี่ยวยูนิตสวิงเอาอยู่ ในย่านความเร็ว 80-100 กม.ชม. หนึบกำลังดี ไม่นุ่มหรือกระด้างจนเกินไป อย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่ารถขี่ได้นิ่งเสถียรคือหูยึดเครื่องยนต์ของเฟรมใหม่ (Engine mounting) ซึ่งนอกจากจะมีความแข็งแรงมากขึ้นแล้ว ยังใช้เครื่องยนต์เป็นส่วนหนึ่งของเฟรมซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับรถ Big bike คือมีลูกปืน, เบ้ารองแกนลูกปืน และเพลาร้อยเครื่องยนต์ตัวใหญ่แข็งแรงมาก เมื่อมีการเคลื่อนตัวของเครื่องยนต์และเฟรม จุดนี้จะไม่ทำให้โช้คหลังเดี่ยวบิดตัวจึงทำงานได้เสถียรตลอดการใช้งาน ขณะที่ช่องว่างวางเท้าถูกปรับให้มีตำแหน่งสูงขึ้นโดยกำหนดให้ท่านั่งขับขี่เป็นตัว L ซ้อนกัน จะก้ม,จะเงย หรือจะงอหลังเล็กน้อยก็ทำได้อย่างสะดวกตามต้องการ

ระหว่างทาง

หลุดออกจากการจราจรที่เริ่มพลุกพล่านของตัวเมืองในช่วงเช้าตรู่ เส้นทางเริ่มเปิดโล่งให้ทำความเร็วได้มากยิ่งขึ้น กับความเร็วในย่าน 100-120 กม./ชม. ที่ Click 160 ทำได้แบบสบาย ๆ ไม่มีปัญหาในช่วงที่ต้องการเร่งแซง โดยความเร็วสูงสุดในบางช่วงทำได้อยู่ที่ 127 – 128 กม./ชม. (ก่อนตัด) ชุดแฟริ่งที่ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรับกับขนาดความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์ ส่งผลต่อความนิ่งเสถียรในการขับขี่เมื่อใช้ความเร็ว โดยเฉพาะบริเวณตรงกลางด้านหน้าที่ยกระดับมา ซึ่งนอกจากจะสูงขึ้นแล้ว ยังเอียงทำองศารับกับชุดครอบแฮนด์ เมื่อลองหมอบติดแฮนด์และใช้ความเร็วสูงก็พบว่าจุดนี้ช่วยให้อากาศตัดผ่านข้ามหมวกกันน็อคไปพอดิบพอดี แฟริ่งทั้งชุดถูกออกแบบให้เอียงประมาณ 45°-50° เพื่อรับกับเฟรมใหม่ที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดพลาสติก เมื่อด้านหน้าเอนเข้าหาผู้ขับขี่สิ่งที่ตามมาคือ ช่องทางไหลเข้าของอากาศจากบังโคลนหน้าที่โค้งน้อยลงจึงกว้างขึ้น เพิ่มพื้นที่ให้อากาศซึ่งพุ่งมาจากด้านหน้าไหลเข้าท่อระบายอากาศผ่านคอนโซลตรงสู่เครื่องยนต์ พร้อม ๆ ไปกับการกดโช้คหน้าและยางให้เกาะถนนมากยิ่งขึ้น

ถึงตลาดบางหลวง รศ.122

เรามาถึงตลาดบางหลวงในช่วงเช้าพอดี ตลาด 100 ปีของชุมชมชาวไทยและจีนแห่งนี้แลจะคึกคักน้อยลงกว่าที่ผมจำได้ แต่บรรยากาศของห้องแถวไม้สองชั้นยังคงสภาพที่สวยงามและรักษาความเก่าแก่ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ร้านรวงต่าง ๆ ยังคงเปิดให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ร้านยา ร้านเหล็ก ฯลฯ สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และหาดูได้ยากในปัจจุบัน ขี่รถชมบรรยากาศ ตามถนนหนทางและตรอกซอกซอยแคบ ๆ บางซอยต้องเลี้ยวมุมแคบแบบเป็นตัว L ก็มี บางทีก็ต้องเบี่ยงแฮนด์ซ้ายที ขวาที เพื่อหลบรถยนต์ที่จอดอยู่ในซอยแคบ ๆ ตรงจุดนี้องศาคอที่ถูกปรับให้ชิดเข้าด้านในของ Click 160 ทำให้ตัวรถมีมุมเลี้ยวที่มากยิ่งขึ้น มากถึงขนาดเราสามารถหักแฮนด์จนติดสต็อปเปอร์ได้เลยทั้งซ้าย-ขวา แบบที่คนขี่รถ Adventure เขาเรียกกันว่า Full lock การจัดท่าทางให้เหมาะกับการเลี้ยวในมุมแคบลักษณะนี้ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงมากมายอะไรเลย เพราะองศาทุกอย่างวางมาเหมาะสม เลยบาลานซ์ตัวได้ง่ายมาก

อ้าว แล้วองศาคอแคบลงแบบนี้เวลาเลี้ยวหน้าไม่ไถลเหรอ? ปกติแล้ว ถ้าองศาคอแคบลง เขาก็จะยืดระยะของเพลาล้อหลังให้ยาวขึ้น (เพิ่มระยะฐานล้อ) แต่สำหรับ Click ฮอนด้าทำให้ระยะหูยึดเครื่องยนต์กับเฟรม (Engine mounting) ยาวขึ้นแทน ซึ่งอย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่ามันช่วยเพิ่มความเสถียรในการทำงาน ไม่ทำให้โช้คหลังบิดตัว รถเลยไม่กระพือเวลาเลี้ยวหรือวิ่งบนทางขรุขระ ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนจุดยึดโช้คตัว บนของโช้คหลังที่ตั้งกว่าเดิมใหม่ ส่งผลให้ทำงานหนืด,ความแข็งสปริงดี กันสะเทือนทำงานเบาลง และเกาะถนนเพิ่มขึ้นนั่นเอง

ลองความเร็วและ ABS บนทางสวย ๆ

ออกจากตลาดบางหลวงมาเรามุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ทีมงานมาเซอร์เวย์ไว้เมื่อวันก่อน หลังจากที่ได้ลองไปแล้วและรู้ว่าระบบส่งกำลังกับระบบเกียร์ของ Click 160 นั้นมีความแม่นยำดีมาก แต่เวลาวิ่งขึ้นทางลาดชันยาวๆ เช่น ขึ้นเขา-ลงเขา ละ แน่นอนว่ารถเกียร์ออโตเมติกมันทำงานตามรอบเครื่องอยู่แล้ว แต่จะมีกำลังแค่ไหน… ปรากฏว่าแรงดีไม่มีตก ขี่ขึ้นเขาเร่งเครื่องเพื่อทำรอบให้เกียร์เปลี่ยน บิดแช่ยาวขึ้นไปยังไม่สุดเนินพอความชันทำให้ความเร็วตก เมื่อรอบตกเกียร์ก็เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ มีแรงดันขึ้นไปต่อเนื่อง จังหวะดิ่งลงเนินพอความเร็วเพิ่มขึ้นเกียร์ก็จะเปลี่ยนเป็นเกียร์สูง เรียกว่ารอบเครื่องทำงานแม่นยำ แน่นอนดีมาก ๆ

ขับขี่โดยนักขี่มืออาชีพภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดจากทีมงาน โปรดอย่าลอกเลียนแบบ


ตอนลงมา พอรอบเครื่องพุ่งขึ้นถึงปลายเกียร์ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ก็ไม่ลากรอบยาวจนเกินไป ทุกเกียร์รับกันดี จนแทบไม่รู้สึกถ้าไม่สังเกตว่าความเร็วนั้นผ่านแต่ละย่านของรอบไปแล้ว เนียนยาวไปถึงปลายที่ไหลไปได้ 120 กม./ชม.+ เวลาใช้ความเร็วต่ำถ้าจะเลี้ยวเราต้องหักแฮนด์ซ้าย-ขวา เพื่อทำมุมเลี้ยว แต่ถ้าใช้ความเร็วปานกลาง-สูง ในทางโล่ง ๆ เวลาจะเลี้ยว เราเลี้ยวด้วยการเอียงรถ รถเอียงได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของยางและกระทะล้อ All new Click 160 เพิ่มขนาดของยางเป็น ยางหน้า 100/80-14 M/C Tubeless ยางหลัง 120/70-14 M/C Tubeless กระทะล้อใหญ่ยางหน้ากว้าง และขอบยางหนานุ่ม (ไม่ใช่พิซซ่านะครับ) ยางติดรถตัวนี้เป็นยาง IRC สปอร์ตที่มีแก้มยางมีความโค้งสามารถรองรับการกดของน้ำหนักเพื่อเพิ่มความหนึบเกาะถนนในย่านความเร็วได้หลากหลาย

ส่วนเบรก ABS ก็มั่นใจได้เหมือนกับรถออโตเมติกจากฮอนด้าทุกรุ่น วิ่งมา 80-100 ผมลองกำเบรกหน้าอย่างเดียว 4 นิ้วเลย ตราบใดที่รถตั้งตรง มีสมดุลและบาลานซ์ที่ดี ไม่มีล้มแน่นอน ถ้าลื่นมาก ล้อสองข้างหมุนเร็วไม่เท่ากัน กำเบรกหนักจับถี่พร้อมค่อย ๆ ลดแรงดันเบรก ถ้าทางไม่ลื่น กำหนัก จับปล่อยถี่น้อยลงหน่อย แต่หยุดความเร็วได้มั่นใจก้านแทบไม่เต้นเลย

สรุป

สำหรับผม All New Click 160 คือหนึ่งในรถสปอร์ตออโตเมติก เอ.ที. อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสมรรถนะ รูปลักษณ์ ราคา หรือแม้กระทั่งอัตราประหยัดน้ำมันที่เคลมมา 46.9 กม./ลิตร ตัวรถมีความขี่ง่าย คุมง่าย แต่กำลังดีและควบคุมได้รวดเร็วทันใจให้ฟิลลิ่งแบบสปอร์ต ระบบเกียร์ ระบบส่งกำลังมีความแม่นยำต่อเนื่อง และที่สำคัญให้สเปกมาสมราคา 69,900 บาท สำหรับรุ่น ABS  ตอบโจทย์ได้มากกว่าแค่ใช้งานในเมือง เพราะทางไกลออกทริปก็วิ่งได้ลื่นไหลปราดเปรียว คล่องตัว เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจ ไปลองไปชมตัวจริงกันได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ

Related