0

เปิดคันเร่งไปเยือน อารยธรรมเก่าแก่แห่งเมียนม่าร์

การเดินทางในทริปนี้ เราจะไปสักการะ  5 มหาบูชาสถานของพม่ากันครับแต่ละสถานที่นั้นตั้งอยู่คนละเมือง แต่ในทริปนี้เราจะไปกันจนครบ เรียกได้ว่าเดินทางครั้งเดียวเที่ยวได้ครบเลยซึ่งเราจะใช้เส้นทางออกจาก อ.แม่สาย จ.เชียงรายและกลับเข้าสู่ประเทศไทยทาง อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเข้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและวิ่งลงสู่ภาคกลางของประเทศพม่ามาครับ มาร่วมออกเดินทางด้วยกัน ว่าเราจะได้เจอะเจออะไรกันบ้างในประเทศพม่า วิวจะเป็นอย่างไร? อาหารจะเป็นแบบไหน? มาเดินทางพร้อมกันเลยครับ

วันที่ 1 แม่สาย – เชียงตุง  ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร

เช้านี้พวกเรานัดหมายกันที่เหนือสุดยอดแดนสยาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย พี่น้องค่อยๆทยอยมากันจนครบ พวกเราบันทึกภาพที่บริเวณหน้าด่าน ก่อนจะขี่ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า และ เข้าสู่เมืองท่าขี้เหล็กประเทศพม่า ทำเรื่องเอกสารใช้เวลากันสักนิดครับสำหรับการข้ามแดนและแล้วพวกเราก็เริ่มเข้าสู่ประเทศพม่าแบบเต็มตัวกันครับผม เส้นทางจะเป็นทางลาดยาง 2 เลน สวนกัน ระหว่างทางจะผ่านหมู่บ้านชนพื้นเมืองและชนเผ่าต่างๆ เลียบแม่น้ำตาเลย์ ผ่าน เมืองท่าเดื่อ เมืองเพียก หรือเมืองพรยาก (ขวามือ  มีทางแยกไปเมืองยอง เมืองยู้ ซึ่งจะสามารถเข้าสู่ประเทศจีนได้) วิ่งกันมาแบบเพลินๆเลยครับจนเสียงท้องมันเริ่มร้องจึงจัดอาหารพม่าเป็นมื้อแรกกันแบบเบาๆ เพื่อให้ได้เดินทางกันต่อยังจุดหมาย ก่อนที่จะถึงจะมีป้ายต้อนรับเข้าสู่เมืองเชียงตุง ซึ่งพวกเราไม่พลาดครับต้องขอเก็บภาพกับป้ายนี้ไว้เป็นที่ระลึกกันสักหน่อย

เมื่อมาถึงก็แวะไปกราบนมัสการพระยืนชี้นิ้วที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเชียงตุงกันก่อนเลย สำหรับสถานที่ ที่เป็นวัดจะต้องถอดรองเท้าทั้งหมดนะครับในประเทศพม่า หลังจากกราบนมัสการพระชี้นิ้วเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราจึงเข้าสู่ที่พักเพื่อเก็บของและพักผ่อนกันก่อน ในเมืองเชียงตุงยังมีสถานที่ ที่น่าสนใจอยู่อีกนะครับ พวกเราขี่รถกันออกมาในช่วงเย็นเพื่อจะมาชมต้นยางยักษ์อายุประมาณ 400 ปีปลูกโดยพระเจ้าอะลองคะยาค์ บนดอยจอมมน เรียกได้ว่าเป็นต้นยางที่ใหญ่มากๆ พวกเราโอบล้อมกันก็หลายคนโอบอยู่ครับ จากนั้นเราแวะมาบริเวณหนองตุง ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมืองและแวะไปรับประทานอาหารซึ่งเรียกได้ว่าถูกปากคนไทยเลยล่ะครับ ก่อนที่จะเข้าสู่ที่พักเรายังแวะไหว้พระวัดม่าเมี๊ยมณี ซึ่งเป็นวัดเจ้าหลวงคู่เมืองเชียงตุงกันอีกด้วย

วันที่ 2  เชียงตุง – ตองยี ระยะทาง 415 กิโลเมตร

สำหรับวันนี้ต้องตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดเลยครับเพราะว่าจะเป็นระยะทางค่อนข้างไกลของทริปนี้รวมทั้งเส้นทางก็จะโหดที่สุดด้วย หลังเพิ่มพลังงานด้วยอาหารเช้ากันแล้ว พี่น้องนักบิดได้เริ่มเดินทางออกจากเมืองเชียงตุงและยังคงใช้เส้นทาง AH2 มุ่งหน้าสู่เมืองตองยี ในช่วงแรกนั้นเป็นเส้นทางขึ้นเขาและเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในรัฐฉาน แต่กำลังทำการปรับปรุงผิวการจราจร ทำให้เดินทางค่อนข้างลำบากกันสักหน่อยครับ แต่พวกเรา  โชคดีที่มากันในหน้าแล้งถ้าเป็นฤดูฝนล่ะก็ คงเป็นหนังคนละม้วนกันเลย

ในยามเช้าแบบนี้ อากาศยังคงเย็นสบายๆ และยังมีทะเลหมอกให้พวกเราได้สัมผัส แม้ว่าหนทางจะยากลำบากแต่ทัศนียภาพก็ทำให้พวกเราขับเคลื่อนกันไปได้เรื่อยๆ ไม่เร็วนัก เรียกได้ว่า 100 กิโลเมตร   วิ่งกันมาเกือบๆ 3 ชั่วโมงครับ และเส้นทางที่กำลังสร้างแบบนี้มีอุปสรรคให้เราต้องแก้ไขกันนิดหน่อยเพราะมีรถของพี่น้องของเรายางรั่วไม่สามารถจะปะได้ ต้องยกขึ้นรถเซอร์วิสและต้องไปแก้ไขกันที่เมืองตองยี เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่เมืองเล็ก ๆ ซึ่งเป็นเมืองผ่านจึงไม่ค่อยมีที่พักสักเท่าไหร่ เติมพลังเสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลย ตอนนี้เส้นทางเริ่มค่อยๆดีขึ้นแล้วครับ หลังจากที่ผจญภัยกันมาครึ่งวันเต็มๆ ดวงตะวันค่อยๆ อ่อนแสงและลากลับบ้านไป แสงจันทร์เริ่มเข้ามาแทนที่และค่อยๆนำทางพวกเราไปสู่เมืองตองยีกันอย่างปลอดภัย ขี่กันยาวๆ 400 กว่ากิโลเมตรกับเส้นทางแสนหฤโหดแต่ก็มาถึงจุดหมายปลายทางกันได้อย่างปลอดภัยพวกเราจึงรีบเติมพลังกันก่อนที่จะไปพักผ่อนเพื่อพักฟื้นร่างกาย

วันที่ 3 ตองยี – อินเล ระยะทาง 45 กิโลเมตร

เช้านี้เรียกได้ว่าสบายๆ เพราะระยะทางนั้นเรียกได้ว่า ตดยังไม่หายเหม็นก็ถึงซะแล้ว พวกเราออกมาจากโรงแรม มองไปรอบๆ เห็นมียอดเจดีย์อยู่บนเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม จึงสอบถามเส้นทางจากชาวบ้านและก็ไม่พลาดเราขี่รถมาจนถึงยอดของเจดีย์สุระมณี ซึ่งบนยอดเขานี้จะสามารถมองเห็นเมืองตองยี ได้แบบ 360 องศา เต็มอิ่มกับวิวแบบไม่ธรรมดาของเมืองตองยีซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐฉาน แล้วกลับลงมาที่โรงแรมทานอาหารเช้ากันก่อนที่เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองอินเล ใช้เวลาไม่นานครับพวกเราก็มาถึงโรงแรมที่เมืองอินเลซึ่งอยู่ติดกับทะเลสาบอินเลและเก็บของเตรียมตัวล่องเรือชมความงดงามของทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของพม่า

ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 158 ตารางกิโลเมตร ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การสร้างบ้านบนทะเลสาบ ชมแปลงผักลอยน้ำ พายเรือด้วยเท้าข้างเดียวทั้งชายและหญิงอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวอินตา ชมตลาด 5 วัน(ตลาดเหยาม่า) เป็นตลาดนัดที่หมุนเวียนกันไปโดยไม่ซ้ำกัน พวกเราแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารกลางน้ำ หลังอาหารก็พา  พี่น้องวัยรุ่นชมวัดเจดีย์ป่าวต่ออู หรือที่ชาวไทยเรียกว่า วัดพระบัวเข็ม ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1800 โดยกษัตริย์อลองสิทธู ภายในวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ห้าองค์ แกะสลักจากไม้จันทน์อายุเกือบพันปี เดิมมีขนาดเพียง 5 เซนติเมตร แต่ด้วยความเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนเผ่าต่างๆ ได้นำทองคำเปลวมาปิดทับจนมีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายสิบเท่า จนองค์พระก็เหมือนลูกบอลทองคำ จากนั้นก็ไปชมหมู่บ้านอินปอขอมคอม หมู่บ้านทอผ้า  ที่ตั้งอยู่ในทะเลสาบอินเล ช่างทอผ้าที่หมู่บ้านนี้ถือได้ว่าร่ำรวยที่สุดในทะเลสาบ ชมการสาธิตวิธีการทอผ้าใยบัว โดยใช้ใยบัวในลำต้นมาปั่นรวมกันเป็นเส้นด้ายใช้ทอจีวรให้พระและแพยาสูบที่มีให้ได้ลิ้มลองกันหลายรสชาติ เลยครับ ระหว่างเส้นทางการล่องเรือเข้าไปตามหมู่บ้าน จะมีฝูงนกนางนวลคอยบินตามเรือของนักท่องเที่ยวครับ และคนเรือเองก็จะมีอาหารเพื่อโยนให้นกนางนวลได้กินกัน ผมเองจึงได้ภาพที่สวยงามนี้กลับมาด้วย ล่องเรือกันจนตะวันลากลับบ้านไปแล้ว พวกเราก็กลับมาที่โรงแรมและรับประทานอาหารกันแบบอิ่มอร่อยจึงแยกย้ายกันพักผ่อน พรุ่งนี้พวกเรานัดกันแต่เช้ามืดเพื่อจะล่องเรือกันอีกครั้ง

วันที่ 4 อินเล – ยองชเว – เมทิลา – พุกามระยะทาง 340 กิโลเมตร

เช้านี้พี่น้องวัยรุ่นหัวใจเดียวกันประมาณ 5 ท่านที่จะล่องเรือผ่านความหนาวเย็นในยามเช้าออกไปดูวิถีของชาวอินเลกันครับ บนเรือมีผ้าห่มไว้ให้เลยเพราะว่าเวลาเรือวิ่งปะทะกับสายลมจะทำให้อากาศนั้นเย็น เพิ่มขึ้น พวกเราล่องเรือออกมาคนละทิศทางกับเมื่อวานครับและได้เห็นชาวอินเลหาปลากันในยามเช้า ที่เด็ดก็คือ เรามาเจอกับสองนักประมงชาวอินเล ที่มีสุ่มอันใหญ่เป็นอุปกรณ์ในการหาปลา พอเจอกันเข้า  พวกเราจึงได้โชว์ลีลาท่าทางต่างๆ ในการอยู่บนเรือโชว์ซะเลย โอ๊ยโคตรคุ้มค่าตื่นเช้ากันจริงๆครับ ที่ได้ภาพสวยงามแบบนี้กลับบ้าน ทำให้ยามเช้าๆ แบบนี้มีความสุขจริงๆ เรากลับเข้ามาโรงแรม ทานอาหารเช้าและพร้อมแต่งตัวออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองพุกามดินแดนแห่งทะเลเจดีย์…

เส้นทางในวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นทางราบ มีภูเขาบ้างเล็กน้อย เป็นถนนลาดยาง 2 เลนสวนกันซะเป็นส่วนใหญ่ วิถีชีวิตของชาวพม่าที่เราจะได้พบเห็นเสมือนในอดีตของบ้านเราคือ วัวเทียมเกวียนซึ่งในประเทศพม่ายังคงใช้กันอยู่เป็นจำนวนมาก รถม้าซึ่งเป็นรถโดยสารแบบใกล้ๆ ยังคงมีให้เห็นกันอยู่มากพอสมควรครับการเดินทางในเส้นทางนี้เสมือนย้อนเวลาวันวานของประเทศไทย

พวกเรามาถึงเมืองพุกามก่อนที่ตะวันจะตกดิน จึงขี่เข้าไปบันทึกภาพกันในกลุ่มของ ทะเลเจดีย์กันก่อน ส่วนในวันพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ จริงๆแล้วในอดีตนั้นบริเวณทะเลเจดีย์จะสามารถขึ้นไปบนเจดีย์ใหญ่และมองลงมารอบๆได้ แต่ในปัจจุบันหลังจากมีเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ทางการพม่าห้ามพี่น้องขึ้นบริเวณเจดีย์ทั้งหมดครับ ณ สถานที่แห่งนี้มี 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพม่าคือ เจดีย์ชเวสิกอง เป็นเจดีย์แห่งชัยชนะที่พม่ามีเหนือมอญ ซึ่งเราจะไปชมกันในโอกาสต่อไปนะครับ

World/Pics​: Pairoj​ Jamnansil

Fast Bikes Magazine Issue 070

Related